บอร์ด สปสช. เพิ่มสิทธิบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ กลุ่มผู้ต้องขัง 10 รายการ 2.7 แสนคน

บอร์ด สปสช. เพิ่มสิทธิบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ กลุ่มผู้ต้องขัง 10 รายการ 2.7 แสนคน

วันนี้ (8 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (เพิ่มเติม) สำหรับผู้ต้องขัง ปีงบประมาณ 2567 จำนวน 10 รายการ เพื่อดูแลผู้ต้องขังให้เข้าถึงบริการตรวจสุขภาพที่จำเป็นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อเสนอนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข โดยมี รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร เป็นประธาน และนำเสนอโดย นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการ สปสช.

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช.ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพผู้ต้องขัง นอกจากการเข้าถึงในด้านการรักษาพยาบาลแล้ว ยังเน้นการเข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยในปีงบประมาณ 2567 กรมราชทัณฑ์ได้เสนอขอขยายรายการบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมทั้งหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองเศรษฐกิจและประกันสุขภาพ กองบริหารการสาธารณสุข กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) และ สปสช. เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเสนอ พร้อมทบทวนรายการบริการสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ต้องขัง และนำเข้าสู่กระบวนการตามกลไกของ สปสช. โดยการพิจารณากลั่นกรองของคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุน ที่ได้เห็นชอบแล้ว จึงนำเสนอต่อบอร์ด สปสช.พิจารณาและมีมติเห็นชอบ

เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สำหรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เพิ่มเติมสำหรับผู้ต้องขัง 10 รายการ จะครอบคลุมการดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ 270,000 คน แบ่งเป็น รายการบริการใหม่ 1 รายการ คือ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยผู้ต้องขังจะได้รับบริการระหว่างต้องโทษ 1 ครั้ง และอีก 9 รายการ เป็นบริการเดิมโดยได้เพิ่มจำนวนครั้งของรับบริการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค ประกอบด้วย

Advertisement

1.บริการตรวจคัดกรองวัณโรคด้วยการเอกซเรย์ทรวงอก 2.บริการตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิส 3.บริการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี 4.บริการคัดกรองโรคไม่ติดต่อและปัญหาสุขภาพอื่นๆ 5.บริการด้านส่งเสริมสุขภาพจิต เช่น การคัดกรองโรคซึมเศร้า บริการให้คำปรึกษา/เตรียมความพร้อมผู้ต้องขังป่วยจิตเวชก่อนปล่อย 6.บริการด้านทันตกรรมป้องกันและการเคลือบฟลูออไรด์

7.บริการคัดกรองโรคโควิด-19 และโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจและบริการสำหรับกลุ่มผู้ต้องขังที่ปฏิบัติงานด้านสูทกรรม จัดบริการปีละ 1 ครั้ง ได้แก่ 8.บริการคัดกรองโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร และ 9.การตรวจสุขภาพทั่วไป เช่น การคัดกรองและตรวจโรคผิวหนัง ตรวจวัดสายตาเบื้องต้น

นพ.จเด็จกล่าวว่า สำหรับในส่วนของงบประมาณเพื่อดำเนินการนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบแหล่งงบประมาณ ดังนี้ กรณีรายการบริการเดิมเพิ่มเป้าหมาย ให้ใช้งบประมาณจากรายการบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคปี 2567 โดยใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน ส่วนรายการบริการใหม่ คือ บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้ใช้งบประมาณจากรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม วงเงิน 33.032 ล้านบาท และมอบให้ สปสช.จัดทำประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายชดเชยบริการตามอัตราที่กำหนดเพื่อรองรับการดำเนินการสิทธิประโยชน์นี้ต่อไป

Advertisement

“ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำถือเป็นประชากรกลุ่มเปราะบาง ซึ่งแต่เดิมมีปัญหาในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น แม้ว่าระบบบัตรทองจะให้สิทธิที่ครอบคลุมดูแลแล้ว แต่ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อดูแลสุขภาพให้กับผู้ต้องขัง ทำให้ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำทั่วประเทศเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้ ซึ่งรวมถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และจากมติบอร์ด สปสช. ในวันนี้ที่จะเริ่มในปีงบประมาณ 2567 จะทำให้ผู้ต้องขังได้รับบริการเพิ่มเติมตามความจำเป็น ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ผู้ต้องขังในเรือนจำมีสุขภาพที่ดีขึ้น” นพ.จเด็จกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image