ปลัดแรงงานรอสำนักงบประมาณตอบเงินชดเชยแรงงาน 5 หมื่น/คน ก่อนชง ครม.
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล เสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่เพิ่มอีก 5 ราย รวมสะสม 39 ราย ว่า ต้องรอข้อมูลทางการจากประเทศอิสราเอลก่อน ซึ่งผู้เสียชีวิตอีก 5 รายดังกล่าวนั้น ได้รับการยืนยันจากทางอิสราเอลแล้ว อย่างไรก็ตาม การติดตามข้อมูลข่าวสารควรจะเลือกรับข้อมูลที่ผ่านการยืนยันจากทางการอิสราเอลและรัฐบาลไทยเท่านั้น
“เราไม่ควรรับข่าวจากทางแรงงานไทยในอิสราเอลเป็นคนพูดเอง หรือจากในสื่ออิสราเอล เพราะบางครั้งจะเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ให้ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เป็นผู้ประสานกับทางการอิสราเอลทั้งจำนวนผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน รวมถึงผู้เสียชีวิตด้วย” นายไพโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีกำหนดการรับร่างผู้เสียชีวิตจากประเทศอิสราเอลอีกครั้งวันใด นายไพโรจน์กล่าวว่า ต้องรอทางการอิสราเอลยืนยันตัวตนก่อน จะขอให้การยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนวิธีการที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กำหนด รวมถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่อไป
เมื่อถามว่า พรุ่งนี้ (14 พฤศจิกายน 2566) จะมีการเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการจ่ายเงินเยียวยาแรงงานที่กลับประเทศไทยเพิ่มอีกรายละ 50,000 บาทหรือไม่ นายไพโรจน์กล่าวว่า ขณะนี้เอกสารทุกอย่างจากกระทรวงแรงงานเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอเพียงหนังสือตอบกลับจากสำนักงบประมาณ ซึ่งยังไม่มีการตอบกลับมาในเรื่องนี้ แต่หากตอบกลับมาแล้ว ก็สามารถนำเรื่องเสนอ ครม.ได้ทันที
เมื่อถามว่า มีแรงงานไทยที่กลับมาแล้วส่วนหนึ่งบอกว่าถูกหลอกให้กลับมา เพราะว่าเงินเยียวยาก็ได้ช้า และหนี้สินก็ยังต้องชดใช้ เพราะการกู้ 150,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ผ่อนนาน 20 ปี นั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่มีการนำเสนอไว้ นายไพโรจน์กล่าวว่า ในส่วนของเงินชดเชยจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ รายละ 15,000 บาทนั้น มีการยื่นขอมาแล้ว 6,200 คน แล้วมีการจ่ายให้ไปแล้วเกือบ 5,000 คน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะจ่ายได้ทั้งหมด
“ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับค่าเยียวยาจากกองทุนรายละ 30,000 บาท และผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับเงินจากกองทุน 40,000 บาท ซึ่งจะพยายามเร่งให้จบภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนเรื่องเงินชดเชย 50,000 บาทนั้น จะต้องรอ ครม.เคาะอีกครั้งหนึ่ง” นายไพโรจน์กล่าว
เมื่อถามว่า มีข้อมูลคนไทยที่กลับมาจากประเทศอิสราเอลได้งานใหม่ทำแล้ว มากน้อยแค่ไหน นายไพโรจน์กล่าวว่า ขณะนี้แรงงานที่กลับมาก็อยู่ในระหว่างการพักร่างกาย แต่จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ครึ่งต่อครึ่งมีความเห็นว่า อยากกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าบางรายเพิ่งไปทำงานได้ไม่กี่ปี และอีกครึ่งหนึ่งแจ้งความประสงค์ว่าอยากไปทำงานในต่างประเทศในประเทศอื่น รวมถึงบางรายก็อยากได้งานทำที่ประเทศไทย
