เครือข่ายกัญชาฯ เตือนความจำ ‘หมอชลน่าน’ เปิดเวทีรับฟังความเห็น พ.ร.บ.ก่อนเข้าสภา
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออก (ร่าง) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. … โดยจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนภายในเดือนธันวาคมนี้ ว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับใหม่ ยังไม่ปรากฏสู่สายตาประชาชน แต่จากที่เคยได้เข้าไปพบกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ สธ. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ยังมี 2-3 ประเด็น ที่เครือข่ายฯ มีความกังวล คือ 1.กฎหมายใหม่ที่ออกมานี้จะกระทบต่อสิทธิการปลูกกัญชาของประชาชนระดับครัวเรือนหรือไม่ เพราะถ้าหากมีการเพิ่มระเบียบหรือกฎเกณฑ์ในการปลูกมากขึ้น เช่น จะต้องปลูกในโรงเรือน จะต้องมีกล้องวงจรปิด มีการติดตั้งระบบควบคุมความปลอดภัย เป็นต้น เหล่านี้จะทำให้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถปลูกได้ ซึ่งจะต่างจากร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) เคยเสนอไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ สธ. 2.ความกังวลเรื่องนิยามการใช้กัญชา เพื่อการสันทนาการ หรือการสูบเพื่อสุขภาพ และ 3.ความกังวลว่าจะมีการนำบางส่วนของกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดหรือไม่
“ดูจากข่าวที่รัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ เราก็มีความกังวลอยู่ แต่ก็ต้องดูว่าตัวกฎหมายจริงๆ เขียนไว้ว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งในการหารือกับ นพ.ชลน่าน ครั้งก่อน ท่านได้รับปากว่าจะเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อกฎหมายกัญชาฉบับใหม่นี้ ก่อนที่จะมีการนำร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
นายประสิทธิ์ชัย กล่าวอีกว่า สำหรับนิยามของคำว่า ใช้กัญชาเพื่อสุขภาพ จริงๆ แล้วก็มีเขียนอยู่ในตำรายาในสมัยโบราณว่า การสูบก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีการรักษา อย่างปวดหัวไมเกรน เมื่อใช้กัญชาโดยวิธีการสูบเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้อาการปวดหายไปได้ถึงร้อยละ 70
“ฉะนั้น จะต้องจัดระบบว่า อันไหนที่เรียกว่า ‘รักษา’ หรือ ‘สันทนาการ’ โดยในส่วนนี้มีการเสนอว่า ให้แพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนปัจจุบันที่ทำการรักษาโรค เป็นผู้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ป่วยว่าสามารถใช้กัญชาในลักษณะการสูบได้ แต่ผมไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว จะทำให้คนทั่วไปอ้างกับแพทย์ว่ามีอาการป่วย เช่น ปวดหัวไมเกรน แล้วไปขอใบรับรองแพทย์ เพื่อนำมาอ้างอิงว่าป่วย ซึ่งโดยข้อเท็จจริงวิธีการนี้ไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย ประเด็นต่อมาคือ การสูบกัญชาเป็น 1 ในวิธีการรักษา ไม่ว่าผู้ที่ใช้นั้นจะป่วยเป็นอะไรก็ตาม กัญชาจะช่วยบรรเทาโรคอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่าเรื่องของการสูบคือ กลิ่นและควัน ที่อาจจะไปรบกวนผู้อื่น ซึ่งบางคนถึงขั้นแพ้ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เราต้องมากำหนด ซึ่งในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ชุดก่อน ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามใช้กัญชาในที่สาธารณะ เพราะต่อให้มีใบอนุญาต แต่ไปสูบรบกวนผู้อื่น ตอนนี้ปัญหาของกัญชาไม่ใช่ว่าคุณสูบเพื่ออะไร แต่เป็นปัญหาว่าที่คุณสูบนั้นรบกวนใครหรือไม่ ดังนั้นต้องกำหนดเรื่องนี้ให้ชัด” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พอจะมีแนวทางแยกว่าลักษณะใดเป็นการใช้เพื่อสันทนาการหรือใช้เพื่อสุขภาพหรือไม่ นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นข้อกังวลของสังคม และเป็นเรื่องที่แยกได้ยาก แต่ถ้าจะแย่จริงๆ อาจจะต้องกำหนดเรื่องของจำนวนคนที่อยู่ในพื้นที่ เช่น มีคนรวมกลุ่มกันเพื่อสูบกัญชาในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในลักษณะปาร์ตี้ ก็จะเป็นความผิดทางกฎหมายว่าเป็นการสันทนาการได้ แต่ถ้าใช้อยู่คนเดียวในพื้นที่ส่วนตัวก็จะไม่ไปรบกวนผู้อื่น แบบนี้ไม่ควรจะผิด
“แต่เรื่องนี้ ก็ต้องอธิบายต่อนักท่องเที่ยวให้ได้ เพราะที่ผ่านมา อย่างงานฟูลมูนปาร์ตี้ เกาะพะงัน ที่กัญชายังผิดกฎหมายอยู่ แต่นักท่องเที่ยวก็มีการรวมตัวใช้กันอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้ากฎหมายใหม่ออกมาว่าการรวมตัวใช้กัญชานั้นเป็นความผิด เราจะไปจัดนักท่องเที่ยวในงานฟูลมูนปาร์ตี้ แล้วดังไปทั่วโลก เพราะทั้งที่ก่อนหน้านี้ผิดกฎหมายแต่ยังสูบได้ เราจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร” นายประสิทธิ์ชัย กล่าวและว่า ขณะนี้เราใช้ความกลัวในการกำหนดกฎหมายกัญชา ซึ่งไม่ได้ใช้ข้อเท็จจริง เพราะสังคมมีความกังวลและผลกระทบเชิงลบก็เกิดขึ้นจริง ตรงนี้ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เราต้องมาดูว่ามาตรการใดที่เหมาะสมที่สุด
เมื่อถามว่า หากมีการกำหนดพื้นที่โซนนิ่งสำหรับใช้สันทนาการได้ นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า เห็นด้วยในการกำหนดโซนนิ่ง เพราะถ้าสามารถทำให้ผู้ที่ใช้กัญชานั้นได้รับการดูแลและคนที่ไม่ได้ใช้กัญชาก็ได้รับการคุ้มครอง แต่การกำหนดโซนนิ่งก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมเช่นกัน ซึ่งในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับที่แล้ว มีการระบุไว้ในวรรคท้ายว่า หากรัฐมนตรีมีความเห็นชอบตามความเห็นของ กมธ.พิจารณากัญชาฯ สามารถกำหนดให้มีพื้นที่สูบกัญชาได้ โดยให้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ซึ่งตรงนี้ สธ. ก็จะต้องเป็นผู้ออกกฎกระทรวงมาว่าพื้นที่โซนนิ่งจะต้องเป็นอย่างไร ซึ่งต้องผ่านความเห็นของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน
เมื่อถามย้ำว่า หากร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับใหม่นี้ มีการระบุชัดเจนว่าห้ามใช้ในทางสันทนาการหรือการสูบเสพ จะทำอย่างไร นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยแน่นอน แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คงมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ เพราะมีคนจำนวนมากที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาสุขภาพ แต่ถ้าห้ามโดยมีขอบเขตอันนี้ก็ต้องมาดูในรายละเอียดอีกครั้ง