อนุทิน เตรียมออกหนังสือถึง ผวจ.ทุกจังหวัด ตั้งรับ ‘ฝุ่นพิษ’ ไฟเขียวใช้ กม. จัดการคนเผาป่าได้เต็มที่ แนะ ปชช.โหลดแอพพ์ ‘เช็คฝุ่น’ ติดมือถือ
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 เมื่อหลายปีก่อน เป็นบทเรียนที่ทำให้เราเห็นว่าหากไม่มีการเตรียมความพร้อมดำเนินมาตรการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้ปริมาณฝุ่นจะเพิ่มตัวหนาขึ้นโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ โดยปี 2566 นี้ หลายจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กอยู่ระดับสีแดงที่สูงกว่า 100 ไมโครกรัม เช่น กรุงเทพมหานคร แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ และอุตรดิตถ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างมาก
“เรื่องสำคัญของการแก้ปัญหาฝุ่นคือ การกำจัดตั้งแต่ต้นตอ การเกิดฝุ่นมาจากทั้งเรื่องสภาพอากาศที่เย็นลง ก็ทำให้มีความกดอากาศสูงจากทางตอนเหนือของไทย ส่งผลให้อากาศปิด ฝุ่นเล็กๆ ก็จะลอยฟุ้งขึ้นมา อีกทางหนึ่งเมื่ออากาศแห้ง ก็ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้นได้ และหลายครั้งก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์ โดยเฉพาะการเผาป่าทั้งในและนอกประเทศ เนื่องจากเตรียมพื้นที่ทำการเพาะปลูกในช่วงหน้าฝน รวมถึงการเผาขยะในชุมชนด้วย” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่าการเตรียมความพร้อมรับมือกับฝุ่นในช่วงต้นปี 2567 จะทำอย่างไรบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า ปัญหานี้ เราเจอกันมาทุกปี ดังนั้นทุกหน่วยงานต้องมีความพร้อมรับมือตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ โดยตนจะเร่งออกหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ฝุ่น ปัญหาไฟไหม้ป่า การเผาป่า โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจุดความร้อน (hotspot) อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย ที่ยังเป็นพื้นที่ของการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย
“สิ่งสำคัญคือการให้ความรู้ประชาชนในการช่วยกันงดการเผาป่า ต้องเน้นย้ำว่าการเผาป่ามีความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สาธารณสุข พ.ศ.2535 เผาทำให้เกิดเหตุรำคาญ เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท และความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งมีกฎหมายเราก็ต้องใช้ให้เต็มที่” รมว.มหาดไทยกล่าว
ถามต่อว่าในฐานะ รมว.มหาดไทย จะดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ตามที่ตนเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมา ทุกครั้งอาจารย์แพทย์ก็จะเน้นย้ำว่า หากต้องออกจากบ้านก็ควรจะเช็กค่าฝุ่นก่อน สวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น ที่ป้องกันโรคอื่นได้ด้วย เช่นโควิด-19 ที่มาพร้อมกับหน้าหนาว โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็ก
นายอนุทินกล่าวว่า ล่าสุดทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ก็ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นเช็กฝุ่น ‘เช็คฝุ่น’ ที่เป็นการติดตามข้อมูลจากดาวเทียม บอกค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ได้ ดังนั้น ประชาชนควรโหลดติดมือถือเอาไว้ เพื่อเช็กค่าฝุ่นในแต่ละวัน
