สบส.ส่งทีมสอบข้อเท็จจริง รพ.เอกชน ย่านพัฒนาการ ปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉิน

สบส.ส่งทีมสอบข้อเท็จจริง รพ.เอกชน ย่านพัฒนาการ ปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉิน

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในย่านพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร ปฏิเสธที่จะให้บริการรักษาพยาบาลชาวต่างชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางถนนจนหมดสติ โดยเมื่อ สบส.ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมายลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ โรงพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง

“พนักงานเจ้าหน้าที่จะมุ่งตรวจสอบในประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น ได้แก่ 1.ณ เวลาที่ผู้ป่วยถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้มีการประเมิน และช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพ หรือถ้ามีความจำเป็นต้องส่งต่อเพื่อไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ได้จัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นอย่างเหมาะสมหรือไม่ 2.โรงพยาบาลมีการประเมินเกณฑ์ผู้บาดเจ็บว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤต ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP) หรือไม่ หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า ทางโรงพยาบาลมิได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด” นพ.สุระกล่าว

อธิบดี สบส.กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้ตั้งเกณฑ์ให้ผู้ป่วยที่หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) ซึ่งจะต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มิฉะนั้น อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การที่สถานพยาบาลเอกชนปฏิเสธที่จะให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ อีกทั้งเป็นการกระทำที่ผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งกำหนดไว้ว่า หากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเน้นย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งยึดประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง ห้ามนำค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไขในการรักษา เพื่อร่วมคุ้มครองสุขภาพ ร่างกายของประชาชน สร้างความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ที่ดีต่อสถานพยาบาลเอกชนไทยต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image