หมอชลน่าน ลุย จ.แพร่ ติดตามนโยบาย ‘บัตรปชช.ใบเดียว’ เผยความพร้อม 50% มั่นใจทันคิกออฟ 8 ม.ค.67
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมติดตามความพร้อมของระบบบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ และตรวจเยี่ยมเครือข่ายหน่วยบริการใน จ.แพร่ ที่เข้าร่วมดำเนินการตามนโยบาย
นพ.ชลน่านกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สนองนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนการยกระดับ 30 บาท โดยมีการเร่งรัดดำเนินการเรื่องบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ซึ่งมี 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส เป็นจังหวัดนำร่องที่ประชาชนทุกสิทธิการรักษาสามารถเข้ารับบริการได้ในโรงพยาบาล (รพ.) รัฐทุกสังกัด รพ.เอกชน คลินิกและร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ และจะมีการคิกออฟ (Kick Off) พร้อมกันในวันที่ 8 มกราคม 2567 ซึ่งจากการติดตามการดำเนินงานของ จ.แพร่ พบว่ามีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 50 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองระบบเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อให้ทราบถึงปัญหา ปิดช่องว่างของการจัดบริการ และเกิดความคล่องตัวมากที่สุด ทั้งนี้ ได้ย้ำให้ยึดหลักความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นสำคัญ และมั่นใจว่าจะพร้อมให้บริการประชาชนด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้ในวันที่ 8 มกราคม 2567 นี้
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ข้อมูลล่าสุดของ จ.แพร่ มีหน่วยบริการสมัครเข้าหมอพร้อมสเตชั่นตามนโยบายแล้ว 88 แห่ง แบ่งเป็น หน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 8 แห่ง, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 44 แห่ง, ร้านยา/ห้องปฏิบัติการ 22 แห่ง, คลินิก 7 แห่ง และรพ.เอกเชน 1 แห่ง ขณะนี้มีการยืนยันตัวตัวตน Health ID ผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมเพื่อให้ทราบประวัติการรักษาแล้ว 117,175 คน ข้อมูลถึงวันที่ 14 ธันวาคม โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานระดับพื้นที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเร่งยืนยันตัวตน ทั้งที่ รพ.สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ, รพ.สต.
นอกจากนี้ ยังจัดบริการยืนยันตัวตนเชิงรุกไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนด้วย อาทิ โรงเรียนมัธยม สถานศึกษาขนาดใหญ่ ลานวัฒนธรรมกาดสามวัย เป็นต้น ในเดือนมีนาคม 2567 กระทรวงสาธารณสุขจะขยายจังหวัดนำร่อง “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่”เพิ่มเติมอีก 8 จังหวัด จาก 8 เขตสุขภาพที่เหลือ ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 2 จ.เพชรบูรณ์, เขตสุขภาพที่ 3 จ.นครสวรรค์, เขตสุขภาพที่ 4 สิงห์บุรี, เขตสุขภาพที่ 6 จ.สระแก้ว, เขตสุขภาพที่ 8 จ.หนองบัวลำภู, เขตสุขภาพที่ 9 จ.นครราชสีมา, เขตสุขภาพที่ 10 จ.อำนาจเจริญ, เขตสุขภาพที่ 11 จ.พังงา สามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัด โรงพยาบาลเอกชน คลินิกและร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้เช่นกัน
