กรมควบคุมโรค เผย สปสช. อนุมัติ ‘วัคซีนไอกรนไร้เซลล์’ เข้าสิทธิประโยชน์บัตรทอง

กรมควบคุมโรค เผย สปสช. อนุมัติ ‘วัคซีนไอกรนไร้เซลล์’ เข้าสิทธิประโยชน์บัตรทอง ชี้สถานการณ์ระบาดทรงตัว หวั่นกระจายเข้าพื้นที่ใหม่

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2566 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา นั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคไอกรน โดยเฉพาะพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่มีการระบาดในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ไอกรนในพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างมาก

“โรคไอกรนไม่ได้มีการระบาดทั่วประเทศ แต่ก็เป็นโรคที่ไม่ควรจะมีการระบาด เพราะเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ซึ่งการระบาดที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องจากการครอบคลุมของวัคซีนในพื้นที่ต่ำ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก และมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ระบาดเนื่องจากมีการติดเชื้อสูงและการเสียชีวิตในเด็กเล็ก” นพ.ธงชัยกล่าวและว่า สถานการณ์ระบาดของไอกรนตอนนี้ ยังทรงตัวอยู่ แต่ก็มีความกังวลว่าจะมีการระบาดในพื้นที่ใหม่ ดังนั้น เราจึงต้องเร่งควบคุมโรคในพื้นที่ระบาดให้ได้เร็วและมีวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น

นพ.ธงชัยกล่าวต่อว่า แนวทางการดูแลและควบคุมการระบาดของโรคไอกรน ทางกรมควบคุมโรคจะเน้นย้ำไปในเรื่องของการฉีดวัคซีนให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งไม่นานมานี้ทางกรมฯ ได้ทำเรื่องถึงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้มีการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ (aP) สำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพื่อส่งภูมิต้านทานไปสู่ทารกแรกเกิดหรือผู้ที่ต้องการกระตุ้นภูมิฯ ต่อไอกรนอย่างเดียว เนื่องจากที่ผ่านมาการฉีดวัคซีน aP เพื่อควบคุมโรคไอกรน ทางกรมฯ เป็นผู้จัดหาวัคซีนเอง ทั้งนี้ สปสช. เพิ่งมีหนังสือตอบรับกลับมาว่าได้เพิ่มวัคซีนไอกรนในหญิงตั้งครรภ์เข้าไปอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การควบคุมโรคดำเนินได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น

Advertisement

“เดิมวัคซีนชนิดไร้เซลล์ไม่ได้อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ เพราะที่ผ่านมานั้นจะเป็นการฉีดวัคซีนรวมใน 3 โรค ทั้งคอตีบ บาดทะยักและไอกรน แต่วัคซีนนี้เป็นการฉีดเฉพาะไอกรนเพียงอย่างเดียว” นพ.ธงชัยกล่าว

เมื่อถามว่าในขณะนี้กรมควบคุมโรคจะมีความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นอย่างไรบ้าง นพ.ธงชัยกล่าวว่า ทางสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จ.สงขลา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ประสานกับทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เนื่องจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หลายแห่งได้มีการถ่ายโอนไปยัง อบจ. แล้ว อย่างเช่นในปัตตานีมีการถ่ายโอนไปแล้วทุกแห่ง ซึ่งทาง สธ. เองก็มีแผนการวิเคราะห์ข้อมูลหลังการถ่ายโอนในประเด็นของความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมโรค ซึ่งเมื่อมีประเด็นไอกรนนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีในการเก็บข้อมูลเพื่อชี้วัดว่าหลังการถ่ายโอนแล้วเกิดผลดีผลเสียอย่างไรบ้างหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image