สปสช.ย้ำ! ประสิทธิภาพเบิกจ่ายให้ รพ.-คลินิก-ร้านยาบริการบัตรปชช.ใบเดียว ยันโอนใน 72 ชม.

สปสช.ย้ำ! ประสิทธิภาพเบิกจ่ายให้ รพ.-คลินิก-ร้านยาบริการบัตรปชช.ใบเดียว ยันโอนใน 72 ชม.

เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. ได้รับมอบหมายจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. แถลงถึงการจ่ายเงินให้หน่วยบริการในโครงการยกระดับบัตรทอง บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ

ทพ.อรรถพรกล่าวว่า ขณะนี้โครงการยกระดับบัตรทอง “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ซึ่งได้มีพิธีเปิดโดยนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 ในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่อง คือ จ.แพร่ จ.ร้อยเอ็ด จ.เพชรบุรี และ จ.นราธิวาส นอกจากหน่วยบริการของภาครัฐแล้ว ยังมีหน่วยบริการภาคเอกชนเข้าร่วมให้บริการแก่ประชาชนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท อีกจำนวนมาก อาทิ คลินิกเวชกรรม คลินิกพยาบาล คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ คลินิกแพทย์แผนไทย และร้านยา ฯลฯ

Advertisement

“ในอดีต แม้ว่าหน่วยบริการเอกชนจะได้รับการเชิญชวนให้เข้ามาร่วมบริการผู้มีสิทธิบัตรทอง แต่ยังรอความชัดเจนโดยเฉพาะรอบระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยหลังให้บริการ ซึ่ง สปสช.กำหนดไว้ 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งหน่วยบริการเอกชนอาจมองว่าล่าช้าเกินไป ไม่ตอบสนองต่อการหมุนเวียนบัญชีรายรับรายจ่ายและการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ จากเสียงสะท้อนที่ได้รับนี้ สปสช.ตระหนักถึงข้อกังวลดังกล่าว และได้ดำเนินการปรับปรุงระบบการเบิกจ่ายเงินให้รวดเร็วขึ้น โดยล่าสุดในการดำเนินการโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ สปสช.ปรับกรอบระยะเวลาการเบิกจ่ายที่รวดเร็วด้วยระบบมีประสิทธิภาพ โดยประกาศยืนยันกับหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการว่าสามารถเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการได้ภายใน 72 ชั่วโมง หลังยืนยันการเข้ารับบริการ” ทพ.อรรถพรกล่าว

รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา หลังจากเริ่มโครงการฯอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 มกราคม มีหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการได้ทยอยส่งข้อมูลเพื่อเบิกจ่ายค่าบริการเข้ามาแล้ว โดยยอดรวมล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม สปสช.ได้มีการโอนจ่ายค่าบริการให้กับหน่วยบริการไปจำนวนทั้งสิ้น 3,161,685 บาท ในจำนวนนี้เป็นการโอนจ่ายให้กับหน่วยบริการเอกชนจำนวน 873,505 บาท ซึ่งเป็นไปตามที่ สปสช. ประกาศไว้ว่าจะดำเนินการจ่ายภายใน 72 ชั่วโมง ดังนั้น ท่านสามารถให้บริการดูแลผู้มีสิทธิได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเบิกจ่าย

“จากการปรับประสิทธิภาพการเบิกจ่ายค่าบริการที่ สปสช.ทำได้จริงนี้ วันนี้ขอเชิญชวนหน่วยบริการเอกชนที่ยังไม่ได้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ขอให้มั่นใจว่าท่านจะได้รับการจ่ายเงินค่าบริการที่รวดเร็วภายใน 72 ชั่วโมง เป็นสิ่งที่ สปสช.ทำได้จริง และหากหน่วยบริการใดที่สนใจก็สามารถสมัครเข้าเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพได้ทุกเมื่อ โดย สปสช.มีความยินดีอย่างยิ่งเพื่อจะได้มีหน่วยบริการเข้ามาร่วมดูแลประชาชนเพิ่มมากขึ้น” ทพ.อรรถพรกล่าว

Advertisement

ด้าน นายประเทืองกล่าวว่า การเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายค่าบริการให้กับหน่วยบริการเอกชนภายใน 3 วัน เป็นผลมาจากการพัฒนาระบบที่ สปสช.ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยบริการ ทำให้ง่ายต่อการดึงข้อมูลที่มีความแม่นยำ ถูกต้อง สามารถตรวจสอบและประเมินผลได้อย่างรวดเร็ว คู่ขนาดกับการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลของประชาชน แต่ทั้งนี้ หน่วยบริการที่สามารถเบิกจ่ายค่าบริการได้ภายใน 72 ชั่วโมงนั้น จะต้องดำเนินการตรงตามเงื่อนไขที่ สปสช.กำหนด คือ 1.มีการยืนยันตัวตนผู้รับบริการ เพื่อแสดงว่ามีผู้มารับบริการจริง 2.เกิดการให้บริการขึ้นจริง 3.การให้บริการเป็นไปตามเงื่อนไขที่ สปสช.กำหนด

“นอกจากนี้หน่วยบริการที่เข้าร่วมต้องมีการเชื่อมระบบข้อมูลบริการกับ สปสช. ซึ่งหากหน่วยบริการดำเนินการตามเงื่อนไขเหล่านี้แล้ว เมื่อเกิดการให้บริการ ระบบจะเชื่อมไปที่ สปสช.และ สปสช. สามารถประมวลผลแล้วจ่ายเงินค่าบริการให้ได้ภายใน 72 ชั่วโมง เช่นเดียวกับหน่วยบริการของภาครัฐ หากมีการเชื่อมต่อข้อมูลการให้บริการเข้ากับระบบของ สปสช. ก็จะได้รับเงินค่าบริการภายใน 72 ชั่วโมงเช่นกัน” นายประเทืองกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีรายการบริการที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ภายใน 72 ชั่วโมง อาจจะเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น มีการบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อน หรือให้บริการไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ สปสช.กำหนด ซึ่ง สปสช.ก็จะมีขั้นตอนในการอุทธรณ์ และจะมีการตรวจสอบรายการบริการนั้นๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อทำการแก้ไขและเบิกจ่ายเงินให้เร็วที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image