บอร์ดสปสช.ไฟเขียวตรวจ ‘มะเร็งเต้านม’ กลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิรักษาด้วยแมมโมแกรม/อัลตราซาวด์
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบ “ข้อเสนอการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เสนอโดย รศ.ประสบศรี อึ้งถาวร ประธานคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข และ นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการ สปสช.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ของรัฐบาล มุ่งดูแลผู้ป่วยมะเร็งให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล รวมถึงบริการตรวจคัดกรองสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ โรคมะเร็งเต้านมนับเป็นภัยร้ายทางสุขภาพของผู้หญิงทุกคน โดยสถานการณ์มะเร็งเต้านมในประเทศไทย แต่ละปีมีผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมรายใหม่อยู่ที่ 37.8 ต่อแสนประชากร ซึ่งปี 2563 อยู่ที่จำนวน 22,158 คน หรือร้อยละ 22.8 ของจำนวนผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งทุกชนิด ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมอยู่ที่ 12.7 ต่อแสนประชากร ปี 2563 อยู่ที่จำนวน 8,266 คน หรือร้อยละ 14.6 ของผู้หญิงที่เสียชีวิตจากมะเร็งทุกชนิด
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า บอร์ด สปสช. ตระหนักต่อสถานการณ์นี้ จึงมีนโยบายที่เน้นการตรวจคัดกรอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
“และในวันนี้ บอร์ด สปสช.ได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มเติม การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ปีละ 1 ครั้ง ในสตรีอายุ 40 ปีขึ้นไปทุกสิทธิการรักษาพยาบาลที่มีประวัติญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม และกำหนดเป้าหมายบริการตรวจคัดกรองในปี 2567 จำนวน 40,600 ราย ด้วยสิทธิประโยชน์นี้ จะเป็นการสนับสนุนนโยบายมะเร็งครบวงจรของรัฐบาล เพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็งและผู้ที่มีความเสี่ยงให้เข้าถึงบริการที่จำเป็น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นอุปสรรค” นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า ข้อเสนอที่บอร์ด สปสช.เห็นชอบในวันนี้ พิจารณาข้อมูลจากผลการศึกษาการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ของการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ฯ และข้อเสนอจาก Service plan สาขาโรคมะเร็ง กระทรวงสาธารณสุข โดยหากผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้รับการรักษาระยะเริ่มต้น จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตสูง (ระยะที่ 1 อัตราการรอดชีวิตร้อยละ 94.40 ระยะที่ 2 ร้อยละ 85 ระยะที่ 3 ร้อยละ 56.60 และระยะที่ 4 ร้อยละ 28.30) ผลการรักษาดี ภาวะแทรกซ้อนต่ำ และสามารถผ่าตัดแบบสงวนเต้านมได้
“ส่วนที่กำหนดให้สิทธิบริการผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไปนั้น เพราะจากข้อมูลพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจะอยู่ในกลุ่มอายุ 50-59 ปี มากที่สุด ซึ่งในทางการแพทย์การตรวจคัดกรองญาติสายตรงต้องลบอายุจากญาติที่เป็นมะเร็งเต้านมออก 10 ปี และควรตรวจทุก 1 ปี” นพ.จเด็จ กล่าวและว่า ขณะที่ในส่วนของงบประมาณนั้น บอร์ด สปสช. มอบให้ สปสช.เสนอของบกลาง สำหรับใช้ดำเนินการปีงบประมาณ 2567 จำนวน 87.36 ล้านบาท
เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ให้ประสานสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และ Service plan กระทรวงสาธารณสุข ในการดำเนินการ และให้มีกลไกวิชาการในการเก็บรวบรวมข้อมูลและกำกับติดตามประเมินผลอย่างรอบด้าน รวมทั้งการเข้าถึงบริการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาขยายผลต่อไป
“การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์นี้ จะเป็นบริการที่เข้ามาเสริมเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่แล้วในระบบบัตรทอง ได้แก่ การให้คำแนะนำคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยการคลำเต้านมด้วยตนเองสำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 25-59 ปี และบริการตรวจคัดกรองยีนกลายพันธ์โรคมะเร็งเต้านม BRCA1 /BRCA2 สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์ ซึ่งเป็นการกำหนดบริการตรวจคัดกรองที่เพิ่มเติมตามความเสี่ยงของประชาชนแต่ละกลุ่ม” นพ.จเด็จ กล่าว