‘พิพัฒน์’ หนุนอัพสกิลด้านโลจิสติกส์-ท่องเที่ยวและบริการ ลั่น! อัตราจ้างสูง ฝึกจบมีงานทันที

‘พิพัฒน์’ หนุนอัพสกิลด้านโลจิสติกส์-ท่องเที่ยวและบริการ ลั่น! อัตราจ้างสูง ฝึกจบมีงานทันที

วันนี้ (19 มกราคม 2567) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังนำคณะลงพื้นที่ จ.เชียงราย ติดตามเยี่ยมชมการฝึกหลักสูตรเทคนิคการขับรถลากจูง (ขนส่งวัตถุอันตราย) ซึ่งผู้เข้าฝึกส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบและผู้ว่างงานที่เดินทางมาจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่มีแรงงานมากกว่า 2 ล้านคน เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งด้านการขนส่ง การผลิตสินค้าและการบริการของประเทศ ตั้งแต่กิจกรรมการวางแผน จัดซื้อ คลังสินค้า การกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค ขั้นตอน กระบวนการศุลกากร การนำเข้า-ส่งออก โรงเก็บสินค้า หรือตู้คอนเทนเนอร์ ที่ส่งผลให้เกิดความต้องการคนทำงานที่มีทักษะฝีมือในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับด้านการขนส่ง ซึ่งหากได้พนักงานขับรถขนส่งสินค้าที่มีทักษะฝีมือ สามารถปฏิบัติงานได้ทันที จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการช่วยลดต้นทุนด้านการพัฒนาบุคลากร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ซึ่งมีหน่วยฝึกอบรมเฉพาะทางด้านโลจิสติกส์ คือ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ เร่งดำเนินการผลิตแรงงานให้มัทักษะในด้านดังกล่าวเพื่อป้อนสถานประกอบกิจการด้านการขนส่งต่อไป

Advertisement

“มีโอกาสไปเยี่ยมชมการฝึกหลักสูตร เทคนิคการขับรถลากจูง (ขนส่งวัตถุอันตราย) ซึ่งผู้เข้าฝึกส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบและผู้ว่างงาน เดินทางมาจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งการขับรถลากจูงต้องใช้ทักษะความชำนาญมาก จึงเป็นตำแหน่งงานที่สถานประกอบกิจการมีความต้องการแรงงานเข้ามาทำงาน ดังนั้น ผู้ที่ผ่านการอบรม หรือขับรถประเภทนี้ได้ จึงไม่ตกงาน ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมนักขับรถหัวลากแล้ว จะมีบริษัทเข้ามาสัมภาษณ์แนะนำตำแหน่งงานว่าง เพื่อรับเข้าทำงานทันที ซึ่งได้รับรายงานว่า ที่ผ่านมา ผู้ผ่านการฝึกมีงานทำ 100% อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำให้ กพร.ใช้แนวทางนี้เป็นโมเดลการฝึกอบรมในหลักสูตรอื่นๆ ด้วย คือต้องเตรียมตำแหน่งงานรองรับ ฝึกทักษะให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบกิจการ ผู้ผ่านการฝึกจะได้มีงานทำทันที” นายพิพัฒน์ กล่าว

Advertisement

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนและคณะได้ชมสาธิตการฝึกอบรมอีก 4 หลักสูตร ประกอบด้วย ผู้ควบคุมรถยกสินค้าขนาดไม่เกิน 10 ตัน ระดับ 1 การผสมเครื่องดื่มค็อกเทลจากสมุนไพร การบริหารจัดการบาร์เทนเดอร์ชั้นสูง การทำเล็บมืออาชีพสำหรับการประกอบธุรกิจ และได้ชมสวนเกษตรโครงการสวนเกษตรตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย

ด้าน น.ส.บุปผา เรืองสุด อธิบดี กพร. กล่าวเพิ่มเติมว่า การฝึกอบรมทั้ง 4 หลักสูตรดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายให้แรงงานมีทักษะฝีมือ มีอาชีพและมีรายได้ดูแลครอบครัว โดยผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ อาทิ การฝึกอบรมการขับรถหัวลาก ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมาย และระเบียบที่จำเป็นการขับขี่รถหัวลากพร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ

“นอกจากนี้ ยังได้เข้ารับการฝึกอบรมจากสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย และสอบฝึกปฏิบัติขับรถบรรทุก เพื่อรับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับลากจูงรถอื่นหรือล้อเลื่อนที่บรรทุกอีกด้วย ผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2564-2566 สถาบันฯ ดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือด้านโลจิสติกส์แล้ว จำนวน 2,412 คน ซึ่งได้เข้าทำงานกับสถานประกอบกิจการในตำแหน่งพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าอันตราย มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 35,000 บาทต่อคนต่อเดือน และในปี 2567 มีเป้าหมาย 260 คน ดำเนินการแล้ว 255 คน” น.ส.บุปผา กล่าวและว่าสถาบันฯ ยังมีการฝึกอบรมทักษะฝีมือด้านโลจิสติกส์ที่น่าสนใจอีกหลายหลักสูตร ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครได้ที่ เว็บไซต์กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน www.dsd. go.th หรือ สอบถามสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image