สธ. เสียใจ ‘น้องใต้หล้า’ ดับหลังฉีดวัคซีนพื้นฐานตามอายุ ยัน ส่งทีมสอบสวนโรคแล้ว

เมื่อวันที่ 20 มกราคม นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องใต้หล้า จากกรณีเข้ารับวัคซีนพื้นฐาน คือ วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP4), โปลิโอชนิดหยอด (OPV4)) เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2567 ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ผาตอ อ.ท่าวังผา จ.น่าน แล้วเวลาต่อมาน้องเสียชีวิต

นพ.ธงชัยกล่าวว่า ด้านการสอบสวนโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคดำเนินการส่งทีมระบาดวิทยาลงพื้นที่สอบสวนการเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานการดำเนินงานระบบเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งกรมควบคุมโรค โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ และกองระบาดวิทยา กำลังลงพื้นที่เพื่อสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตร่วมกับทีมของจังหวัด ทำการเก็บข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต การตรวจทางห้องปฏิบัติการและผลชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต และความเกี่ยวข้องกับอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค การให้บริการวัคซีนและการจัดเก็บวัคซีน ติดตามเด็กกลุ่มที่เข้ารับบริการวัคซีนชนิดเดียวกันในล็อตเดียวกัน โดยข้อมูลจากการสอบสวนโรคจะนำเข้าที่ประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (Adverse Event Following Immunization: AEFI) ที่ประกอบด้วยอาจารย์แพทย์และผู้ทรงคุณวุฒิระดับชาติหลายสาขา เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ภูมิคุ้มกันวิทยา ความปลอดภัยวัคซีน ร่วมกันพิจารณาความเกี่ยวข้องของเหตุการณ์นี้กับวัคซีนด้วยข้อมูลด้านต่างๆ ที่ครบถ้วนพร้อมให้คำแนะนำต่อไป

“สำหรับวัคซีน คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP) และโปลิโอชนิดหยอด (OPV) ถือเป็นวัคซีนพื้นฐานที่มีความปลอดภัยและมีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นวัคซีนที่อยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคมานานกว่า 40 ปี กรณีที่พบเด็กที่รับวัคซีนมีอาการข้างเคียงจะต้องทำการสอบสวนทุกรายเพื่อให้ทราบแน่ชัด ทั้งนี้ เด็กไทยทุกคนควรได้รับวัคซีนนี้เนื่องจากสามารถป้องกันโรคคอตีบ โรคบาดทะยัก โรคไอกรน และโรคโปลิโอ ซึ่งเป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ โรคดังกล่าวสามารถป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีนให้ครบตามกำหนด นับเป็นวัคซีนจำเป็นที่ต้องให้กับเด็กทุกคนและจัดอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ไม่เสียค่าใช้จ่าย” นพ.ธงชัยกล่าว

ทั้งนี้ นพ.ธงชัยกล่าวว่า กรมควบคุมโรคขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีนที่ให้บริการในประเทศไทย ที่มีมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ และติดตามผลข้างเคียงอย่างเป็นระบบ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image