กรมสุขภาพจิต เผย ระยะหลังพบผู้ป่วยจิตเวช มีปัญหาใช้สารเสพติดร่วมด้วย ชี้ “ยาบ้า” ครองอันดับ 1

กรมสุขภาพจิต เผย ระยะหลังพบผู้ป่วยจิตเวช มีปัญหาใช้สารเสพติดร่วมด้วย ชี้ “ยาบ้า” ครองอันดับ 1 สูงถึง 85%

จากกรณีกรมสุขภาพจิต ผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สุขภาพจิต พ.ศ. … ที่มีการเสนอให้ตั้งกองทุนสุขภาพจิต และอาจจะดึงเอาเงินจากการคดียาเสพติดเข้ากองทุน เพื่อใช้ในการบำบัดดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันมีงบประมาณสำหรับดูแลผู้ป่วยจิตเวชเฉลี่ยรายละ 50 บาท ในขณะที่สากลเฉลี่ย 250 บาทต่อคน แต่ยังมีคำถามว่า หากนำเงินจากคดียาเสพติดมาใช้ จะสามารถใช้งบดังกล่าวเพื่อดูแลผู้ป่วยจิตเวชทั้งหมด ซึ่งบางส่วนไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พญ.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จากจำนวนผู้ป่วยจิตเวชในประเทศไทย พบว่ากว่าร้อยละ 70 ที่มีปัญหาเรื่องของการใช้สารเสพติดร่วมด้วย ซึ่งมี 2 แบบ คือ จากคนปกติ ที่ใช้สารเสพติดมานานทำให้เกิดผลกระทบกลายมาเป็นผู้ป่วยจิตเวชในภายหลัง กับอีกกรณีคือ เป็นผู้ป่วยจิตเวชอยู่แล้ว ก็ยังมีการใช้สารเสพติด หรือแอลกอฮอล์ร่วมด้วยเพื่อหวังว่าจะลดอาการบางอย่าง ทำให้เกิดปัญหาคู่กัน ซึ่งขณะนี้พบราวๆ ร้อยละ 60 ที่เกิดปัญหาคู่กัน เพราะฉะนั้น หากมีเงินกองทุนเข้ามา ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะสามารถนำไปใช้สำหรับบำบัดดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีสารเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น เพราะอย่างน้อยก็ครอบคลุมไปแล้วถึงร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยจิตเวชทั้งหมด

เมื่อถามว่าตัวเลขผู้ป่วยจิตเวชที่มีการใช้สารเสพติดร่วมกว่าร้อยละ 60-70 เป็นตัวเลขสะสม หรือเป็นตัวเลขใหม่ที่เพิ่มเข้ามา พญ.ดุษฎีกล่าวว่า เราพบว่า มันแย่ลงเมื่อช่วง 4-5 ปีหลังนี้ และทำให้อาการผู้ป่วยจิตเวชแย่ลงด้วย โดยพบความชุก หรือจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยปัญหายาเสพติด สารเสพติดเพิ่มขึ้นทุกปี ทุกๆ พื้นที่ของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาสารเสพติดหลายชนิด โดยร้อยละ 85 คือ แอมเฟตามีน พบมากในกลุ่ม 15-60 ปี ส่วนอายุที่ใช้ก็พบว่าน้อยลงเรื่อยๆ มีการแพร่ระบาดเข้าไปในโรงเรียนด้วย

Advertisement

“สารเสพติดที่ก่อปัญหาสุขภาพจิตนั้น กระทั่งแอลกอฮอล์อย่างเดียวก็ทำให้มีปัญหาสุขภาพจิตแล้ว แต่ตอนนี้สารเสพติดตัวอื่นๆ แซงขึ้นมามาก โดยเฉพาะมีการใช้ผสมกัน โดยมีสารเสพติดที่ถูกกฎหมาย อย่างเช่นบุหรี่นำเข้าไปสู่การใช้ยาเสพติดชนิดอื่นๆ ตามมาโดยธรรมชาติ” พญ.ดุษฎีกล่าว และว่า เกือบทั้งหมดของคนที่ใช้สิ่งเหล่านี้พบว่า มีรากฐานมาจากปัญหาด้านจิตใจบางอย่าง เช่น มีบาดแผลทางใจ มีภาวะซึมเศร้า แต่รักษาไม่ถูก โดยเฉพาะส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เพราะจะไม่ค่อยพูดออกมา ในขณะที่ผู้หญิงหากมีปัญหาก็จะพูดหรือสื่อสารออกมา แต่ผู้ชายจะใช้สุรา สารเสพติด เป็นเหมือนยากรักษาบาดแผลทางใจ มุมหนึ่งอาจจะดูเป็นปัญหาสังคม แต่มุมหนึ่งคนเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเหยื่อของปัญหาสังคมมาก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image