“ถุงยาง” ฟรีจากตู้กดน้ำ กระแสตอบรับดีมาก! สธ.จ่อเพิ่ม 10 เครื่องทั่วกทม. เผย โรคกามวัยรุ่นพุ่ง 3 เท่าตัว

กรมควบคุมโรค เผย “ถุงยาง” ในตู้กดน้ำ ได้รับกระแสตอบรับดีมาก เตรียมกระจาย 10 เครื่องทั่วกทม. หลังพบโรคกามวัยรุ่นพุ่ง 3 เท่าตัว

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมดำเนินการเรื่องถุงยางอนามัย ทุกเวลา ทุกที่ (Condom anytime, anywhere) นำร่องเปิดตัวตู้กดถุงยางอนามัยอัตโนมัติในวันที่ 15 ก.พ.2567 ที่ลานอัฒจันทร์ ชั้น LG สยามสแควร์วัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยกรมได้มีการหารือกับภาคเอกชนที่ดำเนินการเรื่องตู้ขายเครื่องดื่มและขนมอัตโนมัติ ขณะนี้มี 1 บริษัท คือ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่จะทดลองดำเนินการให้เป็นลักษณะของกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ กิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) เพื่อเป็นตัวอย่าง ด้วยการนำถุงยางอนามัยและชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ไปใส่ไว้ในตู้ดังกล่าวแล้วให้สามารถกดใช้ได้ฟรี ทั้งนี้ จะมีการนำร่องใน 10 ตู้ทั่วกทม. โดยจะตั้งในมหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า ส่วนชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของทุกคนอยู่แล้ว

“ถุงยางอนามัย กรมและสปสช. มีการจัดซื้อเพื่อแจกเป็นประจำทุกปี แต่มีปัญหาเรื่องกระจาย จึงต้องประสานความร่วมมือกับเอกชน ในเรื่องของการช่วยกระจายผ่านตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ โดยก่อนหน้านี้มีการทดลอง 2 ตู้ที่สยามสแควร์วัน และมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก รูปแบบนี้ จะทำให้คนที่ต้องการใช้กล้าที่จะเข้ามากดมากกว่าที่จะแยกตู้ถุงยางอนามัยอัตโนมัติอย่างเดียว เพราะคนอื่นๆที่จะไม่รู้ว่าที่เข้าไปกด จะกดเครื่องดื่ม ขนมหรืออะไร หลังจากนั้นจะประเมินผลและพิจารณา ก่อนกระจายแนวทางนี้ไปในตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติในสถานศึกษา โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยและสถานที่ที่วัยรุ่นใช้ชีวิตอยู่จำนวนมาก” นพ.ธงชัยกล่าวนพ.ธงชัย กล่าวว่า การที่กรมต้องดำเนินการรณรงค์ให้คนใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยุร่น เพราะคนไม่กลัวการตั้งครรภ์ โดยเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยการฝังยาคุมเข็มเดียว จึงไม่ใช้ถุงยางอนามัย กรมจำเป็นต้องรณรงค์เรื่อการใช้ถุงยางอนามัย ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยไม่เฉพาะป้องกันการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีแนวโมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคซิฟิลิส ที่พบอัตราป่วยในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 2561 จากอัตราป่วย 11 เพิ่มเป็น 24.8 ต่อประชากรแสนคน และเพิ่มขึ้น 3 เท่าในกลุ่มเยาวชน จากอัตราป่วย 27.9 เพิ่มเป็น 90.5 ต่อประชากรแสนคน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย สอดคล้องกับข้อมูลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ปี 2562 ที่พบว่า เยาวชนมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยครั้งล่าสุดที่มีเพศสัมพันธ์ เพียงร้อยละ 80 และใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งกับแฟนและคนรักไม่ถึง ร้อยละ 40นพ.ธงชัยกล่าวว่า ตู้กดถุงยางอนามัย ทุกเวลา ทุกที่ (Condom anytime, anywhere) ถือเป็นการนำแนวทางแก้ปัญหาใหม่ๆเข้าให้กับสังคม ไม่ใช่จะดำเนินการเรื่องใดแล้วจะไม่มีแนวทางใหม่ๆ เข้าไปดำเนินการ ถ้าทำแบบเดิมผลลัพธ์ก็จะแบบเดิมๆ อย่างเช่น เรื่องชุดตรวจเอชไอวี ด้วยตนเอง อยากให้ประชาชนเข้าใจเรื่องเอชไอวีใหม่ว่า ต้องกล้าที่จะตรวจ สมัยก่อนอาจจะกลัวการตรวจ กลัวจะเป็นเพราะไม่มียา ติดเชื้อแล้วก็เสียชีวิต แต่ปัจจุบันการรักษาเปลี่ยนไป หากกินยาสม่ำเสมอ การกินยาโอกาสแพร่เชื้อต่อน้อยมาก แม้มีเพศสัมพันธ์ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่คิดว่าติดเชื้อแล้วจะเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อ ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วย จะต้องเปลี่ยนความคิดเป็นกลัวติดโรค แต่ไม่ใช่กลัวว่าติดแล้วจะไม่มีการรักษา เพราะถ้าตรวจด้วยตัวเองแล้วพบติดเชื้อ ก็สามารถพบแพทย์เพื่อยืนยันผล  หากผลบวกก็เข้ารับการรักษา รับยามารับประทานสม่ำเสมอ คนป่วยอายุยืนกว่าคนปกติก็มี

“ต้องทำความเข้าใจว่าการช่วยให้เข้าถึงถุงยางอนามัยได้สะดวก วันนี้เป็นการให้ป้องกันโรค ไม่ได้ส่งเสริมให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อให้มีความรู้และเข้าถึงการป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ เพราะสังคมเปลี่ยนไปแล้ว จากเมื่อก่อนวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เพราะกลัวเรื่องท้อง ปัจจุบันไม่มีกลัวเรื่องนี้ เพราะใช้วิธีการป้องกันตั้งครรภ์อย่างอื่น จึงต้องมาให้ความรู้เรื่อใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” นพ.ธงชัยกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image