วราวุธ นำขรก.พม. แสดงความจงรักภักดี ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ย้ำคนไทยเทิดทูนสถาบันยิ่งชีพ

วราวุธ นำขรก.พม. กว่า 700 ชีวิต อ่านแถลงการณ์ แสดงความจงรักภักดี ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ย้ำคนไทยเทิดทูนสถาบันยิ่งชีพ

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวแถลงการณ์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. คณะที่ปรึกษารมว.พม. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. จำนวนกว่า 700 คน เข้าร่วมพิธี

นายวราวุธ อ่านแถลงการณ์ฯ ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักของชาติ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน การรักษาความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ให้ดำรงอยู่คู่ประเทศชาติอย่างมั่นคงตลอดไป ทั้งนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ และทรงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการศึกษา ด้านการอนุรักษ์-ศิลปวัฒนธรรมไทย ด้านการพัฒนาสังคม ด้านการต่างประเทศ ด้านการสาธารณสุข ด้านการศาสนา รวมถึงโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

Advertisement

นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณารับสมาคม สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริ หรือองค์กรต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือและพัฒนาประชาชนไว้ในพระราชูปถัมภ์จำนวนมาก โดยทรงให้การสนับสนุนสมทบทุนจัดตั้งเป็น “กองทุนการกุศลสมเด็จพระเทพฯ” เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน ผู้ด้อยโอกาสผู้ขาดแคลน และสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ แก่ประชาชนคนไทยและประเทศเพื่อนบ้านจนเป็นที่ประจักษ์

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้น้อมนำพระราชจริยาวัตรของพระองค์ คือ พระเมตตาและความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือประชาชนและผู้ที่เดือดร้อนทุกคน นำมาขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในโอกาสนี้ จึงขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศรวมพลังแสดงความจงรักภักดี ถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

Advertisement

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดพิธีถวายความเคารพและการแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นการแสดงความระลึกถึงและถือเป็นพระมหากรุณาที่คุณที่พระองค์ท่านมีต่อกระทรวง พม. สำคัญที่สุดเป็นสิ่งที่ปวงชนชาวไทยทุกคนพึงตระหนักและพึงหวงแหน ปกป้อง และรักษาเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนคนไทยและอยู่คู่กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน

“การแสดงพลังในเช้าวันนี้ เป็นการแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าจะตราบใด เวลาจะเปลี่ยนไป จะอย่างไรก็แล้วแต่ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนส่วนใหญ่พวกเราให้ความเคารพให้ความนับถือและพร้อมที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย และพวกเราจะไม่ยอมให้ใครไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด กลุ่มบุคคลใด หรือใครก็แล้วแต่ จะมาลบหลู่ดูหมิ่นหรือพูดในสิ่งที่ไม่ดีถึงสถาบันพระมหากษัตริย์”

“วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะเพียงแค่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ทราบว่ามีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมแสดงพลังกันในวันนี้ และเป็นการส่งสัญญาณไปถึงทุกคน ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่อยู่คู่กับประเทศชาติ อยู่คู่กับคนไทย และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเราจะปกป้องและเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราตลอดไป” นายวราวุธ กล่าว

ทั้งนี้ นายวราวุธ เปิดเผยภายหลังกล่าวแถลงการณ์กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องขอพระราชทานน้อมแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า การทำเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่การที่พวกเราทุกคนล้วนเป็นพสกนิกรชาวไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทั้งนั้น

“แต่ละคนพึงกระทำหน้าที่ของแต่ละคนตามอำนาจที่ตัวเองมีอยู่ในมือ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอญัตติด่วนในสภา เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเอง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและความรักในสถาบัน และที่สำคัญที่สุดคือ เราจะไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่ดูหมิ่นในสถาบันอันเป็นที่รักของเราเด็ดขาด พวกเราทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและความรักที่เรามีในสถาบัน” นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวต่อไปถึงกรณีมีการเสนอให้นิรโทษกรรม มาตรา 112 ว่า วันนี้คนทั้งประเทศได้แสดงพลังให้เห็นแล้วว่าพวกเราจะไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้ใครมาลบหลู่ดูหมิ่น ไม่ว่าจะเป็นใคร เพศใด อายุเท่าไหร่ คนชาติไหน ถ้าจะมาดูหมิ่นหรือปองร้ายหรือทำอะไรเป็นที่เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา เราไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ได้เป็นการท้าทาย ไม่ได้เป็นการสู้รบตบมือ แต่เป็นการปกป้องสถาบันที่เรามี

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยของเราการที่จะเดินไปข้างหน้าได้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยวิสัยทัศน์ พลังของคนรุ่นใหม่ แต่ต้องไม่ลืมว่าการที่ประเทศเราเดินหน้ามาถึงวันนี้ได้เป็นเพราะคนรุ่นก่อนๆ บรรพบุรุษของพวกเรา และที่สำคัญที่สุดภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ สถาบันพระมหากษัตริย์ได้สร้างคุณูปการให้กับแผ่นดินไทย มาตั้งแต่เป็นสยามประเทศจนถึงวันนี้

“เชื่อว่าหากไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ประเทศไทยจะไม่เป็นเช่นนี้เด็ดขาด ดังนั้น การที่จะเดินไปข้างหน้า แน่นอนว่าเราต้องใช้พลังของคนรุ่นใหม่ แต่ขอให้พึงตระหนักว่าเรามาถึงตรงนี้ได้อย่างไร เพราะถ้าไม่ดี ไม่สมบูรณ์ เป็นอย่างที่คนกลุ่มหนึ่งคิด ประเทศไทยไม่เป็นอย่างนี้แน่นอน สิ่งที่อยู่กับแผ่นดินไทยมาช้านาน คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่พวกเราจะหวงแหน และรักษายิ่งเท่าชีวิต” นายวราวุธ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image