เรือนจำแพร่ คิกออฟให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่กลุ่มผู้ต้องขัง

เรือนจำแพร่ คิกออฟให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่กลุ่มผู้ต้องขัง

วันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 พล.อ.อ.สุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์ 904 และคณะกรรมการบริหารมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายกูเฮง ยาวอฮะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ร่วมเปิดโครงการ “บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ที่เรือนจำ จ.แพร่ โดยความร่วมมือ สธ., สปสช. กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย เพื่อจัดบริการด้านทันตกรรมให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ และในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่อง นโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ

พล.อ.อ.สุบิน กล่าวว่า สภาวการณ์ของผู้ต้องขังที่ถูกจำกัดอยู่ในเรือนจำ การเข้ารับบริการด้านสุขภาพจึงไม่สามารถเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลได้เหมือนกับบุคคลภายนอกได้ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ยังมีความจำเป็นต้องได้รับบริการสุขภาพ โดยเฉพาะการเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ทั้งในด้านการรักษาพยาบาล การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมไปถึงบริการดูแลสุขภาพในช่องปาก โครงการนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ต้องขัง

Advertisement

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วยความยึดถือคุณค่าของมนุษยธรรมและความเท่าเทียมในสุขภาพ ไม่เพียงแต่ลบล้างข้อจำกัดของพื้นที่และสถานะทางสังคม แต่ยังขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพคุณภาพสูงให้แก่ทุกคน โครงการบริการทันตกรรมเคลื่อนที่นี้ ไม่เพียงเป็นการให้บริการทางการแพทย์ที่จำเป็น แต่ยังเป็นทูตแห่งความดีงามที่แสดงให้เห็นว่าในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใด ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะได้รับ การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด

“เชื่อมั่นว่าโครงการในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยจะขยายผลการให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขัง ไปยังเรือนจำทัณฑสถาน สถานพินิจเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 100 แห่ง ภายใต้นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” นพ.ชลน่าน กล่าว

Advertisement

นายกูเฮง กล่าวว่า ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานที่กักขัง ในสังกัด 143 แห่ง จากข้อมูลสำรวจทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่าผู้ต้องขังในเรือนจำมีจำนวนทั้งสิ้น 277,813 คน เป็นผู้ต้องขังชาย 244,324 คน และผู้ต้องขังหญิง 33,489 คน ขณะที่เรือนจำ จ.แพร่ มีผู้ต้องขัง จำนวน 1,387 คน เป็นผู้ต้องขังชาย จำนวน 1,257 และผู้ต้องขังหญิง จำนวน 130 คน ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์มีนโยบายการดูแลสุขภาพให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ ภายใต้โครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ในการพัฒนาระบบสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้ดำเนินการให้ผู้ต้องขังได้รับการดูแลภายใต้สิทธิบัตรทอง 30 บาท ควบคู่กันไปด้วย โดยบริการทันตกรรมเคลื่อนที่สำหรับผู้ต้องขังฯ จะเข้ามามีส่วนช่วยดูแลสุขภาพช่องปากให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ

ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช. ได้ประสานความร่วมมือกับชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำรถทันตกรรมเคลื่อนที่ของหน่วยบริการภายใต้ชมรมจำนวน 13 คัน มาร่วมให้บริการผู้ต้องขัง ในเรือนจำและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 10 แห่ง ใน 4 จังหวัดนำร่อง ที่มีผู้ต้องขัง 9,094 คน ทั้งนี้ การให้บริการทันตกรรมผู้ต้องขัง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามสิทธิประโยชน์บัตรทอง คือ กลุ่มสิทธิบัตรทองจะเป็นการดูแลรักษาตามความจำเป็น 6 รายการ ได้แก่ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ตรวจสุขภาพช่องปาก เคลือบหลุมร่องฟัน และเคลือบฟลูออไรด์ ส่วนกที่ไม่ใช่สิทธิบัตรทองจะเป็นบริการให้คำปรึกษาและบริการเคลือบฟลูออไรด์ชนิดเข้มข้นสูงเฉพาะที่ ในกรณีหญิงตั้งครรภ์จะได้รับบริการจส่งเสริมป้องกันและทำความสะอาดฟัน รวมถึงผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะได้รับการคัดกรองรอบโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก

“บริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ นี้ได้ช่วยลดข้อจำกัดการเข้าถึงบริการทันตกรรมได้ เพราะสามารถออกให้บริการเชิงรุกไปในพื้นที่ต่างๆ ได้ เช่นในเรือนจำในวันนี้ ทั้งยังช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการเพิ่มขึ้นได้ โดยหลังจากนี้จะมีการขยายบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ นี้ต่อไป เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ได้รับบริการโดยทั่วถึง” นพ.จเด็จ กล่าว

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image