ชัชชาติเคลียร์แล้ว! ‘ส่งตัวผู้ป่วยบัตรทอง’ ใบเดิมยังใช้ได้ จนหมดอายุ

เคลียร์แล้ว ‘ชัชชาติ’ เล่ายิบ หลังถก สปสช.แก้ปม ‘ส่งตัวผู้ป่วยบัตรทอง’ เล็งทำ ‘ใบส่งตัวอิเล็กทรอนิกส์’ แก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ถึงประเด็นการจัดการระบบบริการสาธารณสุข ซึ่งมีการปรับรูปแบบการจ่ายเงิน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 หลังปรับการจ่ายเงินทำให้มีผลต่อการรับบริการ

ส่วนกรณีที่การรักษาของผู้ป่วยเกินศักยภาพคลินิก คลินิกจะออกใบส่งต่อให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลตามสิทธิ หากผู้ป่วยมีใบนัดรักษาต่อเนื่อง สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลรับส่งต่อ โดยอนุโลมให้ใช้ OP Anywhere ซึ่งในระยะเปลี่ยนผ่าน ประชาชน คลินิก และหน่วยบริการยังมีความเข้าใจไม่ตรงกัน

นายชัชชาติกล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการหารือร่วมกันระหว่าง กทม. กับ สปสช. โดยภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนรูปแบบการจัดการระบบบริการสาธารณสุขตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา อาจจะทำให้ประชาชนสับสน โดยเฉพาะเรื่องใบส่งตัวจากหน่วยปฐมภูมิไปยังโรงพยาบาลต่างๆ และมีประเด็นสงสัย เช่น โรงพยาบาลอาจต้องการให้ทำใบส่งตัวใหม่ หรือประชาชนอาจยังไม่เข้าใจ จึงมาขอทำใบส่งตัวใหม่จากทางศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) ของ กทม.ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

Advertisement

“ทาง สปสช. ให้แนวทางดําเนินการว่า ใบส่งตัวที่ออกไปก่อนหน้านี้แล้วถือว่าให้ใช้ได้ตามปกติจนกระทั่งหมดอายุ ซึ่ง กทม.ก็พร้อมที่จะดําเนินการตามแนวทาง ส่วนคลินิกหรือโรงพยาบาลเอง ก็คงต้องเป็นแนวทางปฏิบัติที่ สปสช.จะไปเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ

ในอนาคตเรื่องระบบส่งตัวจะมีจากคลินิกส่งตัวให้ ศบส. หรือ ศบส.ส่งตัวให้โรงพยาบาล ก็จะเป็นระบบที่ต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ สปสช.กําหนด” นายชัชชาติเผย

Advertisement

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชี้แจงว่า ที่เรามีปัญหาเรื่องใบส่งตัวเดิมที่เคยส่งตัวไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แล้วอาจจะเกิดความสับสนเข้าใจไม่ตรงกัน ต้องมีการเรียกกลับมารับใบส่งตัว ในส่วนของสังกัดกรุงเทพมหานครทั้งหมด ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้มีการสั่งการว่าให้ดําเนินการจนกว่าใบส่งตัวจะหมดอายุ เชื่อว่าตรงนี้จะแก้ปัญหาไปได้เยอะ

“ส่วน สปสช.เองก็รับปากท่านผู้ว่าฯ ว่าจะซักซ้อมความเข้าใจกับหน่วยบริการที่รับส่งต่อ ซึ่งบางครั้งประชาชนอาจจะกังวลว่าถ้าไม่มีใบส่งต่อแล้วใครจะมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ทางเราจะรับนโยบายผู้ว่าฯ ไปซักซ้อมตรงนี้กับหน่วยอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด กทม. รวมถึงนโยบายในอนาคต ที่ใบส่งตัวควรใช้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน” นพ.จเด็จกล่าว

นพ.จเด็จกล่าวอีกว่า สำหรับกติกาการเงิน เรามีความชัดเจนแล้วว่าเงินส่วนแรกที่จะจ่าย จะเปลี่ยนเป็นจ่ายในลักษณะเหมาจ่ายรายหัวประชากรที่ขึ้นทะเบียนในเครือข่าย เพราะฉะนั้นเครือข่ายจะมีทั้ง ศบส.และคลินิก เมื่อมีการส่งต่อไป ก็จะตามจ่ายในส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด กําหนดครั้งละไม่เกิน 800 บาท ส่วนกรณีถ้าประชาชนไม่ได้มีใบส่งตัวไป ในส่วนของโรงพยาบาลที่รับส่งต่อจะมีกองทุนอีกกองหนึ่งตามไปจ่าย ซึ่งได้มีการซักซ้อมกับหน่วยบริการให้ความมั่นใจ ว่าในแง่กลไกการเงินมีการดูในทุกระดับ

“แต่ต้องเรียนว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้ประชาชนเดินทางไปรับบริการยังโรงพยาบาลใหญ่ โดยที่ไม่มีระบบอะไร ยังคงย้ำตรงนี้ เพราะเป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” นพ.จเด็จกล่าว

ด้าน นายชัชชาติ ผู้ว่าฯ กล่าวเสริมว่า ตามแนวทางดังกล่าว หมายความว่าจากนี้เป็นต้นไปต้องเริ่มจากหน่วยปฐมภูมิ คือคลินิกหรือว่า ศบส.ที่ตนเองลงทะเบียนอยู่ จากนั้นการส่งต่อก็จะเป็นขั้นตอนไป หากคลินิกเห็นว่ารับมือไม่ไหวก็ส่งไปยัง ศบส. หรือหน่วยระดับสอง หากไม่ไหวก็ส่งต่อไปหน่วยระดับสาม คือโรงพยาบาล

“เป็นขั้นตอนที่มีการคัดกรองเพื่อลดภาระที่จะไปสู่โรงพยาบาลให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องไปโรงพยาบาลหมด ทําให้โรงพยาบาลคิวยาวและแออัด”

“ถ้าเราสามารถทําให้คลินิกชุมชนอบอุ่นเข้มแข็ง ศบส.เข้มแข็ง จะมีด่านที่ปะทะเป็นด่านๆ ไป เป็นขั้นตอนตามหลักสากล แต่สุดท้ายแล้วทุกหน่วยก็ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเข้มแข็ง หน้าที่ของ ศบส.เองต้องพยายามช่วยดูแลคลินิกให้เข้มแข็งด้วย” นายชัชชาติกล่าว

อ่านข่าว : 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image