สมศักดิ์ ย้ำ “มหาสงกรานต์” เล่นน้ำปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ ห่วง ดริงก์ไปสาดน้ำไปจะวุ่นวาย-เละเทะ
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมด้วย กรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2567 โดยบูรณาการแผนปฏิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ.2565-2570) ซึ่งมีกลยุทธ์ที่ 2 การควบคุมพฤติกรรมการขับขี่หลังการดื่มป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล ภายใต้แนวคิดรณรงค์ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” เพื่อการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนและอุบัติภัยอื่นๆ พร้อมทั้งให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติมีพื้นที่เล่นน้ำอย่างปลอดภัย เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ 2566 ที่ผ่านมา พบว่า ปัจจัยหลักยังมาจากการดื่มแล้วขับ จากข้อมูลวันที่ 11-17 เมษายน 2566 ระบบรายงานการบาดเจ็บและเสียชีวิตช่วงเทศกาล กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีผู้ดื่มแล้วขับจำนวนทั้งหมด 4,340 ราย เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 502 ราย ส่วนมากดื่มแล้วขับล้มเองและเกิดในถนนสายรองมากกว่าถนนสายหลักและยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนส่วนใหญ่คือรถจักรยานยนต์
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ในปีนี้รัฐบาลมีจุดเน้นในการป้องกัน 5 ข้อดังนี้ 1.กำหนดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งการกำหนดพื้นที่เล่นน้ำก็จะขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ประกาศพื้นที่เล่นน้ำ 2.เพิ่มจำนวนด่านชุมชน เพิ่มความถี่การเรียกตรวจ เพื่อการคัดกรองคนเมาสุรา 3.ตรวจระดับแอลกอฮอล์ ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทุกราย ถ้าพบผู้บาดเจ็บอายุต่ำกว่า 20 ปี เมาสุราให้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับร้านค้าที่จำหน่าย 4.กวดขันการปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามดื่มแอลกอฮอล์บนทาง ตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.2522 และ 5.ส่งต่อผู้ถูกคุมความประพฤติ ฐานขับรถขณะเมาสุราทุกราย เข้าสู่กระบวนการบำบัด ทั้งนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณาจัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ และขอให้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด/กทม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ร้านค้าและประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ว่าด้วยการเลือกและการแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ พ.ศ. … โดยระเบียบดังกล่าวเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้แทนองค์กรที่เป็นนิติบุคคลและการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ
“ขอให้ครอบครัวพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องดื่มแล้วขับอันตราย ขอให้ส่วนราชการต่างๆ รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ ไม่ต้องการให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในงาน เพราะ เล่นน้ำไป ดื่มไป ก็จะวุ่นวาย เละเทะ ก็พยายามไม่ให้มีขายเครื่องดื่มในสถานที่เล่นน้ำ ให้ห่างไกลกัน ใครอยากดื่มให้ไปดื่มที่อื่น ไม่ใช่มาเล่นร่วมกันคนอื่นที่ไม่ดื่ม พื้นที่เล่นน้ำในแต่ละจังหวัด ราชการจะกำหนดออกมา ซึ่งปกติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขายได้เป็นเวลาอยู่แล้ว นอกจากสถานบริการที่ถูกต้องที่จะเวลาเพิ่มเติมขึ้นมา ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนจากเดิม แต่ขอให้เคร่งครัด ไม่ใช่เคลื่อนที่ออกมาตั้งขายซึ่งไม่สมควร” นายสมศักดิ์กล่าว
ถามย้ำว่าเป็นการขอความร่วมมือหรือคำสั่งห้ามขายแอลกอฮอล์ในพื้นที่เล่นน้ำ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นคำสั่งเป็นกฎหมายระเบียบที่ต้องดำเนินการและต้องรณรงค์
ด้าน นพ.ธงชัยกล่าวว่า สำหรับปีนี้เรามี “มหาสงกรานต์” ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้นมาตรการที่จำเป็นต้องทำคือ เคร่งครัดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงสงกรานต์ โดยทุกอย่างยังอยู่ภายใต้กฎหมายเดิม แต่ต้องเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งร้านที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายนั้น ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามขายนอกเวลา
เมื่อถามว่าร้านที่ได้รับอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่ในพื้นที่เล่นน้ำ เช่น ตรอกข้าวสาร สามารถขายได้หรือไม่ นพ.ธงชัยกล่าวว่า หากได้รับอนุญาตให้ขาย ก็สามารถขายได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องขายในเวลาที่กำหนด ส่วนที่ห้ามขายคือร้านที่ไม่ได้รับอนุญาต เช่น หาบเร่ หรือตั้งร้านขายโดยไม่ได้ขออนุญาต
