4 แรงงานสมุทรสาครเลือดปนแคดเมียม อาการปลอดภัยแล้ว หมอให้กลับบ้านวันนี้

4 แรงงานสมุทรสาครเลือดปนแคดเมียม อาการปลอดภัยแล้ว หมอให้กลับบ้านวันนี้ พร้อมนัดตรวจติดตามเป็นระยะ

เมื่อวันที่ 13 เมษายน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กรณีกากแคดเมียม เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องกากแคดเมียมถือว่าเป็นปกติ ไม่มีปัญหาต่อสุขภาพของประชาชน โดยผลการตรวจร่างกายประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี ผลออกแล้วว่าไม่พบความผิดปกติ ไม่มีใครมีปริมาณแคดเมียมในร่างกายเกินมาตรฐาน ส่วนประชาชนใน จ.สมุทรสาคร ก็ไม่พบผู้ที่มีปริมาณแคดเมียมในร่างกายเพิ่ม ซึ่งผลการตรวจเลือดแรงงานที่มีผลตรวจปัสสาวะพบปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐาน 11 คน เมื่อตรวจโดยละเอียดพบว่า จริงๆ แล้วมีผู้ที่มีปริมาณแคดเมียมเกินมาตรฐานเพียง 4 รายเท่านั้น วันนี้แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ไม่มีใครมีอาการป่วย หรือต้องทำการรักษาเพิ่มเติม แต่แพทย์ก็ทำการนัดเพื่อติดตามและตรวจร่างกายเพิ่มเติมเป็นระยะ พร้อมกับการสุ่มตรวจร่างกายของประชาชนในชุมชนเป็นระยะด้วย ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ก็จะทำในลักษณะเดียวกันนี้ คือการสุ่มตรวจประชาชนในพื้นที่พบกากแคดเมียมและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นระยะ

นพ.สุรโชคกล่าวว่า สถานการณ์การพบกากแคดเมียมขณะนี้กระจายไปหลายจังหวัด ตั้งแต่ตาก สมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร และยังมีที่ตามไม่พบอีกจำนวนหนึ่ง ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีแคดเมียมขึ้นที่ส่วนกลาง พร้อมกับให้ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเปิดศูนย์ PHEOC ทันที เพื่อประสานการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ PHEOC ได้กำหนดมาตรการรองรับด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการเฝ้าระวังผลกระทบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อาศัยร่วมบ้านกับคนทำงานในโรงงาน หรืออาศัยในบ้านที่มีการทำงานสัมผัสแคดเมียม, กลุ่มที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีโอกาสในการรับสัมผัสสูง โดยตรวจวัดสิ่งแวดล้อมพบว่าเกินมาตรฐาน และอยู่ใกล้โรงงานที่มีกระบวนการผลิตเกี่ยวกับแคดเมียม และกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคประจําตัว อาทิ โรคไต 2.ด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สามารถส่งตัวอย่างที่สงสัยมาทำการตรวจได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 15 แห่งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งแต่ละแห่งสามารถรองรับการตรวจได้ 50 ตัวอย่างต่อวัน

3.ด้านการรักษาพยาบาล ให้จัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ดูแลคัดกรองด้านสุขภาพกาย และทีม MCATT ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจ รวมทั้งให้คำแนะนำการงดแชร์ข่าวสารข้อมูลเท็จต่างๆ เพื่อลดความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ตลอดจนเปิดให้บริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง และการตรวจเช็กสุขภาพใจในสภาวะวิกฤตเบื้องต้นด้วยตนเองผ่านแอพพลิเคชั่น MENTAL HEALTH CHECK-IN และ 4.ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จะมีทีม SEhRT ของกรมอนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ วางแผนเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพต่อประชาชน และอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชนโดยรอบอย่างต่อเนื่อง เน้นการตรวจวิเคราะห์สารแคดเมียมและสังกะสีปนเปื้อน ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำประปาชุมชน หรือประปาหมู่บ้าน รวมทั้งเก็บตัวอย่างอาหาร พืชผักที่จำหน่ายในตลาด เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนในแหล่งอาหาร ตลอดจนสื่อสารความเสี่ยงสุขภาพให้กับประชาชนด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image