เครือข่ายคุมยาสูบกังขาสภาฯ อนุมัติงบศึกษาโรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้าจีน หวั่น!ดันเป็นสินค้าถูกกม.

เครือข่ายคุมยาสูบกังขาสภาฯ อนุมัติงบศึกษาโรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้าจีน หวั่น!ดันเป็นสินค้าถูกกม.

เมื่อวันที่ 17 เมษายน นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ อดีตนายกแพทยสมาคมโลก และนายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย มีแผนจะเดินทางไปศึกษาดูงานโรงงานผลิต และตลาดการค้าบุหรี่ไฟฟ้าที่ประเทศจีน ทำให้เกิดข้อกังขาในความไม่ชอบมาพากลของการปฏิบัติหน้าที่ของ กมธ.ชุดนี้ เพราะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายของไทย เป็นสิ่งเสพติดที่กำลังระบาดในหมู่เด็กและเยาวชนไทย

“คณะกรรมาธิการฯ ควรมีบทบาทในการหามาตรการมาควบคุมกำกับให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แต่กลับจะเดินทางไปดูโรงงานผลิต เสมือนต้องการส่งเสริมให้มีการเปิดขายและผลิตในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของคณะกรรมาธิการฯ และรัฐสภาไทยอย่างมาก” น.พ.วันชาติ กล่าว

Advertisement

ด้าน รศ.เนาวรัตน์ เจริญค้า ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) กล่าวว่า กมธ.ต้องตอบสังคมให้ได้ว่า การไปศึกษาดูงานด้านการผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า จะเกิดประโยชน์อย่างไรต่อการกำหนดมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เพราะการเดินทางไปดูงานในลักษณะนี้ คล้ายคลึงกับประเพณีปฏิบัติของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่มักจะพานักการเมือง ข้าราชการ และสื่อมวลชน เดินทางไปต่างประเทศเพื่อศึกษาดูงานที่โรงงานผลิตบุหรี่ เพื่อเป็นการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้

“เครือข่ายควบคุมยาสูบเคยตั้งข้อสังเกตการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ไว้แล้วว่า มีบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเข้าเป็นกรรมาธิการฯ ด้วย ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ขัดต่ออนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกมาตรา 5.3 ที่ห้ามบุคคลที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับบริษัทบุหรี่ร่วมในการกำหนดนโยบายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ดังนั้น การเดินทางไปดูงานโรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้าที่จีน ยิ่งสะท้อนให้เห็นความผิดปกติของการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ ซึ่งมีไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและขัดต่อหลักการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกด้วย” รศ.เนาวรัตน์ กล่าว

Advertisement

ผศ.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า กมธ.ควรจะศึกษาสถานการณ์ ผลกระทบต่อสุขภาพและสังคม กฎหมายที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และกระบวนการการบังคับใช้กฎหมาย ในประเทศที่ห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เปรียบเทียบกับประเทศที่เปิดให้ขายบุหรี่ไฟฟ้า คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ หรือประเทศที่กำลังจะออกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างบรูไน โดยควรขอข้อมูลจากหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลของประเทศนั้นๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข หรือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือหาก กมธ. ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสารวัดระดับสารเคมีต่างๆ ในบุหรี่ไฟฟ้า กมธ.อาจเชิญผู้แทนองค์การอนามัยโลกเข้ามาให้ข้อมูล เนื่องจากองค์การอนามัยโลกได้มีการตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมผลิตภัณฑ์และสารเคมีในผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและให้คำปรึกษาแก่ประเทศต่างๆ อยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image