กรมอนามัยส่งทีมประเมินความเสี่ยงในชุมชนรอบโรงน้ำแข็ง สั่งหยุดผลิตจนกว่าระบบได้มาตรฐาน
วันนี้ (18 เมษายน 2567) นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลจากโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อคืนวันที่ 17 เมษายนผ่านมา โดยก๊าซแอมโมเนีย ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยในรัศมีโดยรอบในระยะ 3 กิโลเมตร จากข้อเท็จจริง พบประชาชนได้รับผลกระทบจากการสัมผัส สูดดมก๊าซแอมโมเนีย เกิดอาการแสบตา แสบคอ หายใจลำบาก หายใจไม่ออก แสบตารุนแรง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมให้การช่วยเหลือ ปฐมพยาบาล และนำผู้ป่วยได้รับผลกระทบทั้งหมดส่งโรงพยาบาลในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สามารถควบคุมการรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียได้แล้ว ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ สธ.มีความห่วงใยประชาชน ได้มอบหมายให้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ. พร้อมด้วย นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 6 ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้า และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งรายงาน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้รับทราบเรียบร้อยแล้ว” นพ.อรรถพล กล่าว
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดี
กรมอนามัย จึงได้ส่งทีมปฏิบัติการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม หรือทีม SEhRT ของศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี ลงพื้นที่ร่วมกับปลัด สธ.และหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) สำนักงานควบคุมโรค (สคร.) โรงพยาบาล (รพ.) และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและผลกระทบทางสุขภาพของประชาชน พบข้อเท็จจริงว่า โรงน้ำแข็งแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงประสานให้หน่วยงานท้องถิ่นที่รับผิดชอบมีการบังคับใช้กฎหมาย โดยสั่งการให้ผู้ประกอบกิจการปรับปรุงด้านสุขลักษณะ ความปลอดภัย และอนามัยสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐาน
นพ.อรรถพล กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุแอมโมเนียรั่วไหล มีการเก็บตัวอย่างน้ำแข็งที่ผลิตแล้วไปตรวจสอบพบค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ประมาณ 9 ซึ่งมีความเป็นด่างสูง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งโรงงานให้ทำลายน้ำแข็งดังกล่าวทั้งหมด ห้ามนำไปจำหน่าย โดยโรงงานดังกล่าวได้นำน้ำแข็งจากแหล่งผลิตอื่นมาจำหน่ายแทนแล้ว และเพื่อเป็นการยืนยันผล ทีม SEhRT ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี มีการตรวจสอบค่าความเป็นกรด-ด่าง ในน้ำแข็งที่โรงงานนำมาจากโรงผลิตอื่นเพื่อนำมาจำหน่าย พบค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ประมาณ 8 ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานน้ำบริโภค ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวได้หยุดผลิตน้ำแข็งเป็นการชั่วคราว จนกว่าทำการปรับปรุงคุณภาพน้ำ และตรวจสอบระบบการผลิตน้ำแข็งให้เป็นไปตามมาตรฐาน ในช่วงที่ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล ทีมเจ้าหน้าที่ได้ใช้การสเปรย์น้ำเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของก๊าซพิษออกสู่ภายนอก ซึ่งน้ำที่ใช้สเปรย์ดังกล่าวจะเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงาน จึงไม่มีการปนเปื้อนของสารแอมโมเนียที่ปนมากับน้ำ ไหลลงในแหล่งน้ำสาธารณะ ระบบประปาชุมชน หรือประปาหมู่บ้าน ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ในการใช้น้ำอุปโภคบริโภคในครัวเรือนอย่างปลอดภัย
“ทั้งนี้ ทีม SEhRT ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบรี ได้สนับสนุนหน้ากาก N95 สำหรับแจกให้แก่ประชาชนที่อาศัยโดยรอบ เพื่อใช้สำหรับป้องกันตนเอง สำหรับประชาชนขอให้มีการดำเนินการติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง หากมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่หรือให้มีการอพยพ ต้องปฏิบัติการคำแนะนำของเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ หลังการอพยพไปยังที่ปลอดภัย เมื่อกลับเข้าบ้านให้เปิดประตู หน้าต่างระบายอากาศทันทีพร้อมทำความสะอาดบ้านเรือน เฟอร์นิเจอร์ ทันที เพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพ สังเกตความผิดปกติ หรืออาการต่าง ๆ ของตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง หากมีอาการแสบคอ หายใจไม่ออก และแสบตา ให้รีบแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ หรือไปพบแพทย์ทันที” นพ.อรรถพล กล่าว
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นสัญญาณเตือนให้สถานประกอบการทุกแห่ง โดยเฉพาะสถานประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต โดยให้ทำการตรวจสอบเครื่องจักร เครื่องมือ ระบบการผลิต โดยเฉพาะการจัดเก็บสารเคมีอันตรายภายในโรงงาน หากพบการชำรุด ผุ กร่อน หรือเสียหายให้เร่งซ่อมแซมโดยทันที เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน นอกจากนี้ หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องมีมาตรการในการเฝ้าระวัง ควบคุม กำกับ ในสถานประกอบกิจการทั้งด้านสุขลักษณะ ความปลอดภัย และการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้เป็นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทางสุขภาพของตัวเองและครอบครัว