กรมควบคุมโรคร่วมเครือข่ายเข้มเฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก’ เข้ม หลังสหรัฐพบผู้ติดเชื้อจากโคนมรายที่ 2

กรมควบคุมโรคร่วมเครือข่ายเข้มเฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก’ หลังสหรัฐพบผู้ติดเชื้อจากโคนมรายที่ 2

จากรายงานข้อมูลของศูนย์ป้องกันควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (US CDC) พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าติดเชื้อจากโคนมในฟาร์มเป็นรายที่ 2 ของประเทศนั้น กรมควบคุมโรค ย้ำเตือนประชาชน หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย และหากมีอาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่ ไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ หลังสัมผัสกับสัตว์หรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

วันนี้ (26 พฤษภาคม 2567) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงกรณีมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ซึ่งคาดว่าติดเชื้อจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งของโคนมในฟาร์มที่รัฐมิชิแกน นับเป็นรายที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกจากโคนมเป็นรายแรกของประเทศ ที่รัฐเท็กซัส จากการแพร่เชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ครั้งนั้น ถึงแม้จะพบได้ยาก แต่ถือเป็นกรณีแรกที่มีแนวโน้มว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถแพร่เชื้อไปยังคนได้ จึงจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดนกในประเทศไทย พบการระบาดครั้งสุดท้ายในคนเมื่อปี 2547 หลังจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีการเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่องทั้งในคน สัตว์ และสัตว์ป่า รวมทั้งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ จากการประสานงานกับกรมปศุสัตว์ ทราบว่าประเทศไทยไม่มีการนำเข้าโคนมจากสหรัฐ จึงประเมินได้ว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกจากสถานการณ์ดังกล่าวในระดับต่ำ” นพ.ธงชัย กล่าว

Advertisement

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศไทยนั้น กรมควบคุมโรคมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ 1) กรมควบคุมโรคมีความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และศูนย์ป้องกันควบคุมโรคสหรัฐ เพื่อเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคนและสัตว์ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 2) ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค กรมควบคุมโรค เพื่อพิจารณามาตรการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3) ประสานกรมอุทยานแห่งชาติฯ เรื่องความร่วมมือการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (One health) เพื่อหารือและเตรียมความพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โรคอุบัติใหม่หรืออุบัติซ้ำต่อไป

ด้าน นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ถึงแม้ว่าประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกมานาน แต่ประเทศเพื่อนบ้านยังมีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในคนและสัตว์อย่างต่อเนื่อง กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำให้ประชาชนมีการป้องกันตนเอง 1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย 2) ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดโดยเฉพาะหลังสัมผัสกับสัตว์ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก ขณะใกล้ชิดกับสัตว์ 3) หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ใกล้บ้านทันที และสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด 4) ห้ามนำสัตว์ปีกป่วยตายมาปรุงอาหารเด็ดขาด 5) การรับประทานเนื้อสัตว์ปีกและไข่ต้องปรุงสุกสะอาด 6) หากมีอาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่ ไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจหอบเหนื่อย หรือมีตาแดงอักเสบ หลังสัมผัสกับสัตว์หรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมกับแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ให้แพทย์ทราบ โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image