เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุมชนป้อมมหากาฬ ได้เผยแพร่แถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่มีข่าวปรากฎในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่าทางกทม.ตกลงร่วมกับชุมชนป้อมมหากาฬยินยอมให้รื้อถอนบ้าน 14 หลัง โดยชุมชนปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื้อหาส่วนหนึ่งของแถงการณ์มีดังนี้
ชุมชนป้อมมหากาฬ ขอชี้แจงว่า จำนวน 14 หลัง ที่กทม. ได้กล่าวอ้างถึง เป็นตัวเลขที่ระบุอยู่ในเอกสารที่ทางกรุงเทพมหานครได้นำมาปรึกษากับทางชุมชนว่าคิดเห็นตรงกันหรือไม่ โดยทางชุมชนไม่ได้ตกลงที่จำนวน 14 หลังตามเอกสารของกรุงเทพมหานคร แต่ยืนยันกลับไปว่า ขอให้เคลียร์พื้นที่ที่รื้อแล้วออกให้หมดก่อน และบ้านที่จะทำการรื้อจะต้องเป็นบ้านที่ผู้อยู่อาศัยสมัครใจในการรื้อย้าย ซึ่งทางชุมชนพร้อมสนับสนุนแรงงานช่างที่จะดำเนินการในการรื้อ ทั้งนี้ ทุกๆ ขั้นตอน กระบวนการจะต้องมีฝ่ายทหาร เป็นคนกลาง”
นอกจากนี้ ชุมชนดังกล่าวยังระบุอีกว่าตามที่เนื้อข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งระบุว่า ประธานชุมชนได้ตกลงให้มีการรื้อถอนจำนวน 14 หลังกับทางกรุงเทพมหานครนั้น ขอชี้แจงว่า ประธานชุมชนไม่เคยให้สัมภาษณ์ตามเนื้อหาที่ปรากฎในข่าว อีกทั้งประธานชุมชนไม่มีสิทธิ์ที่จะให้ใครอยู่หรือย้ายออก โดยการจะอยู่หรือย้ายออกนั้นได้ยึดตามข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 3 กันยายน 59 เป็นหลัก ที่ตกลงร่วมกันว่า ผู้อยู่อาศัยที่ไม่ยอมจะย้ายออก กรุงเทพมหานครจะไม่ไล่หรือรื้อบ้านหลังนั้นๆ
ขอให้กรุงเทพมหานครยึดถือข้อตกลงร่วมกันโดยดำเนินการให้มีคณะกรรมการพหุภาคีเพื่อให้เกิดการเจรจาแก้ไขปัญหาและหาทางออกร่วมกัน หากถามว่า ทำไมชุมชนป้อมมหากาฬถึงลุกขึ้นมาต่อสู้ คำตอบที่เด่นชัดในใจคนชุมชนป้อมมหากาฬ คือ เพราะว่าที่นี่คือบ้าน บ้านอันเป็นทั้งเรือนเกิด และเรือนตายที่อยากฝังร่างไว้ เพราะที่นี่คือบ้าน ที่ที่มีความทรงจำ มีความผูกพันของผู้คน ที่ผ่านทั้งคืนสุขและวันทุกข์ยากมาร่วมกัน และชุมชนป้อมมหากาฬ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมือง มีส่วนร่วมในการพัฒนาสวนสาธารณะป้อมมหากาฬแห่งนี้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เรียนรู้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เราพร้อมและเราขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง
