เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ (สนน.) นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการพัฒนาและปรับปรุงระบบระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงน้ำท่วม บริเวณ 8 จุดเสี่ยงสำคัญ ในพื้นที่ 5 เขต ประกอบด้วย บริเวณบ่อสูบน้ำคูน้ำสารวัตรทหารที่ 11 เขตราชเทวี, บริเวณแยก อสมท ถนนพระรามที่ 9 เขตห้วยขวาง, บริเวณหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร, บริเวณวงเวียนบางเขน และบริเวณทำนบกั้นน้ำคลองลำผักชี ข้างตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน, บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ทั้งบริเวณหน้าอาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B)/บริเวณโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 กับถนนประชาชื่น (ถนนหมายเลข 10) และบริเวณบึงสีกัน ซอยแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่
นายวิศณุกล่าวว่า บริเวณวงเวียนบางเขนประสบปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อเกิดฝนตกหนัก ที่ถนนพหลโยธิน และถนนรามอินทรา เนื่องจากระบบระบายน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ สนน.จึงได้ทำ MOU ร่วมกับกรมทางหลวงขออนุญาตใช้พื้นที่ในเขตทางหลวงก่อสร้างเป็นแก้มลิง เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ดังกล่าว โดยแก้มลิงวงเวียนบางเขนมีขนาดกักเก็บน้ำ 6,000 ลบ.ม. เพื่อเก็บกักและพักน้ำไว้ชั่วคราวขณะฝนตกหนัก ถนนพหลโยธิน ถนนรามอินทรา ก่อนระบายน้ำลงคลองรางอ้อรางแก้ว เพื่อลงสู่คลองบางเขนต่อไป มีการปรับปรุงพื้นผิวทางเท้าจัดทำทางวิ่งรอบบริเวณแก้มลิงเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้งานเพื่อการออกกำลังกาย และการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิศณุกล่าวว่า ส่วนคลองลำผักชีเป็นคลองที่รับน้ำจากพื้นที่เขตบางเขน สายไหม และถนนเทพรักษ์ ในช่วงฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำในคลองสูงจึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำออกสู่คลองสอง กทม.จึงจัดทำทำนบกั้นน้ำคลองลำผักชีเพื่อป้องกันน้ำจากคลองสองไหลเข้ามา และติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 2 เครื่อง เพื่อเร่งสูบระบายน้ำให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำและการระบายน้ำในพื้นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เตรียมพร้อมรองรับน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตามฤดูกาลในระยะนี้
นายวิศณุกล่าวว่า ด้านศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการสำคัญของประเทศหลายแห่ง มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ไม่มีพื้นที่ชะลอน้ำ ทำให้เมื่อฝนตกน้ำในพื้นที่จะไหลบ่าลงมาท่วมที่ถนนแจ้งวัฒนะช่วงคลองประปาถึงคลองเปรมประชากร ซึ่งมีระดับต่ำกว่าพื้นที่ภายในศูนย์ราชการ ประกอบกับถนนแจ้งวัฒนะมีท่อระบายน้ำขนาด 1.20 ม. x 1.20 ม. ทั้งสองฝั่ง ทิศทางการระบายน้ำส่วนหนึ่งระบายลงสู่คลองเปรมประชากร และอีกส่วนหนึ่งระบายลงสู่คลองบางตลาดด้วยสถานีสูบน้ำศูนย์ราชการซึ่งมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำในพื้นที่ สามารถลดระดับน้ำในคลองได้ไม่ถึง -1.00 เมตรเทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ตามแผน โดยในปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้
นายวิศณุกล่าวว่า ส่วนซอยแจ้งวัฒนะ 14 เป็นพื้นที่ที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ และพื้นที่หมู่บ้านเกษตรนิเวศน์ เนื่องจากระบบระบายน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ สนน.จึงดำเนินการปรับปรุงแก้มลิงบึงสีกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำให้สามารถบริหารจัดการเป็นแก้มลิงรองรับน้ำส่วนเกินที่สามารถกักเก็บน้ำฝนไว้ในแก้มลิงได้กว่า 150,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อช่วยพักน้ำฝนที่ตกลงสู่พื้นที่ไว้ชั่วคราว และระบายน้ำลงคลองบางพูด คลองตาอูฐ ก่อนระบายลงสู่คลองเปรมประชากรต่อไป โดยหากดำเนินการแล้วเสร็จจะมีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 1.63 ตร.กม. หรือคิดเป็นประมาณ 1,200 ครัวเรือน ครอบคลุมซอยแจ้งวัฒนะ 14 พื้นที่หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ และพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยได้ดำเนินการไปแล้วประมาณร้อยละ 10 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2568 ซึ่งได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดระบบชั่วคราวเพื่อการพร่องน้ำและการระบายน้ำออกจากบึงสีกัน
“ภาพรวมการแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม.มีความพร้อม ปีนี้ไม่มีข้อแก้ตัว เรามีเวลาทำมาระยะหนึ่งแล้ว แต่จุดอ่อนยังมีตามซอยย่อยในพื้นที่ของเอกชน โดยเฉพาะหมู่บ้านที่สร้างมานานแล้ว ไม่มีนิติบุคคลดูแลพื้นที่ส่วนกลาง จึงเป็นข้อกังวล ยืนยันว่าถนนสายหลักน้ำต้องไม่ท่วมขังนาน” นายวิศณุกล่าว