กรมจัดหางานแนะแรงงานไทยใน ‘ยูเออี’ ถูกนายจ้างทำร้าย กักขัง ต้องติดต่อตำรวจโดยตรง
วันนี้ (1 สิงหาคม 2567) นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้รับการประสานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ประชาสัมพันธ์แนวทางขอความช่วยเหลือขณะทำงานอยู่ในยูเออี เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยลักลอบไปทำงานในยูเออีอย่างผิดกฎหมาย โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว/เยี่ยมเยือน (Tourist visa or Visa) จำนวนมาก ผ่านการชักชวนทางโซเชียลมีเดีย นายหน้า หรือคนรู้จัก โดยแจ้งอัตราค่าจ้างสูงเพื่อจูงใจ ไปทำงานนวดสปา ร้านอาหาร งานเว็บพนันออนไลน์ (Call Center) หรืองานปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน แต่เมื่อเดินทางมาถึงปรากฎว่า สภาพการทำงาน และค่าจ้างไม่ตรงตามที่คาดหวัง บางรายถูกนายหน้ายึดหนังสือเดินทาง ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ บังคับเซ็นสัญญารับสภาพหนี้ หรือถูกบังคับให้ค้าประเวณี ซึ่งแรงงานไทยส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับแนวทางการขอรับความช่วยเหลือจากตำรวจในยูเออีที่แตกต่างจากประเทศไทย
“จึงขอฝากถึงแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ แรงงานไทยจำเป็นต้องติดต่อกับตำรวจด้วยตนเอง เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถเข้าตรวจค้นและดำเนินการให้ความช่วยเหลือได้ทันที และยังสามารถทราบพิกัดปัจจุบันของผู้ร้องจากสัญญานโทรศัพท์มือถือด้วย แต่หากเป็นผู้อื่น หรือหน่วยงานอื่นเป็นผู้ติดต่อแจ้งไป ตำรวจจะต้องขอหมายศาลเพื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ก่อนจึงจะเข้าตรวจค้นได้ เมื่อได้รับความช่วยเหลือแล้ว ระหว่างรอดำเนินการเรื่องเอกสารเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ จะเป็นผู้ดูแลให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น การจัดหาอาหารแห้ง ยา และสิ่งของ รวมถึงการแนะนำที่พักราคาถูก โดยแรงงานไทยที่ต้องการขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อผ่านสายด่วน (+971) 506525945 เพจ Facebook : Royal Thai Consulate-General, Dubai ไลน์ไอดี (Line ID) : thaiconsulatedubai” นายสมชาย กล่าว
อธิบดี กกจ. กล่าวว่า การลักลอบไปทำงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง การไม่ได้เงินเดือนและไม่ได้ทำงานตามข้อตกลง โดยเฉพาะในยูเออี ที่หน่วยงานภาครัฐไม่มีอำนาจในการให้ความช่วยเหลือในเคหสถาน ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับแจ้งความและให้ความช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้ร้องทุกข์ส่วนใหญ่ไม่ต้องการแจ้งความ เพราะเกรงว่าจะถูกจับกุมเนื่องจากเดินทางเข้ามาโดยวีซ่าท่องเที่ยวและลักลอบทำงาน อย่างไรก็ตาม หากถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย หรือเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนเอง ขอให้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทันที
“ผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ตนจะเดินทางไปทำงาน เพื่อป้องกันการหลอกลวงผ่านระบบ e – Service กรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/ipd และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2245 6763 และ 0 2245 6708 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2และสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694” นายสมชาย กล่าว