วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีนายวันดี ล้วนศรี อายุ 75 ปี และนางทองอยู่ ล้วนศรี อายุ 71 ปี สองสามีภรรยา ชาวชุมชนภูหญ้าคา ต.โนนก่อ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ได้วิงวอนขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลให้ความช่วยเหลือลูกชาย คือนายรุ่ง ล้วนศรี เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ จากเรือประมง หลังหนีจากเรือประมงไปอยู่ที่เกาะตวน ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543
ต่อมา ร.ท.หญิงลักษณียา ศรีวัฒนะชัย นักพัฒนาสังคมชำนาญการ และนายพิสุทธิ์ศิลป์ สินธุ์งาม เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จังหวัดอุบลราชธานี นำเจ้าหน้าที่เดินทางไปพบกับนายวันดี ล้วนศรี พ่อของนายรุ่ง ล้วนศรี ที่ตกเป็นเหยื่อจากขบวนการค้ามนุษย์จากเรือประมง เพื่อหาทางช่วยเหลือซึ่งปัจจุบันได้หลบหนีจากเรือไปอาศัยอยู่ที่เกาะตวน ประเทศอินโดนีเซีย โดยเบื้องต้นพบว่า นายรุ่งเข้าข่ายการถูกกระทำจากขบวนการค้ามนุษย์จริงและทางพ่อแม่ต้องการให้ทางรัฐบาลเข้าช่วยเหลือและนำนายรุ่งกลับประเทศ
ร.ท.หญิงลักษณียา เปิดเผยว่าได้ติดต่อกับนายรุ่ง ล้วนศรี ได้แล้วซึ่งพบว่ายังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันยังอาศัยอยู่ที่เกาะตวน ประเทศอินโดนีเซีย และทราบว่ามีครอบครัวอยู่ที่นั่นแล้ว เพื่อให้มีชีวิตรอด และอยากให้นำครอบครัวกลับมาด้วย หลังจากนี้จะได้รายงานรายละเอียดทั้งหมดไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งนายรุ่งเล่าว่าได้ไปทำงานในเรือประมงบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 2543 โดยผ่านนายหน้า ซึ่งในขณะนั้นนายรุ่งมีอายุเพียง 20 ปี ต้องถูกทรมานบนเรือ ทำงานไม่ได้ค่าแรง จนตนเองและเพื่อนอีกหลายคนต่างวางแผนหนี บางส่วนหนีมายังประเทศมาเลเซีย ส่วนตนและเพื่อนหนีไปอยู่ที่เกาะตวน ประเทศอินโดนีเซีย และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
ขณะที่นางบุญแต่ง บริบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนก่อ อ.สิรินธร กล่าวว่า เตรียมให้การช่วยเหลือครอบครัวนายวันดี ล้วนศรี ให้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นคนพิการ เนื่องจากดวงตาด้านขวาของนายวันดีมองไม่เห็น ขณะที่หลานกำพร้าอีก 3 คน จะช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาเพื่อบรรเทาภาระให้ครอบครัวนี้เพิ่มอีกด้วย
