กรมอนามัยแจงเหตุชาว ‘ปางหมู’ ร้องเหม็นกลิ่นยางมะตอย เร่งลงพื้นที่ดูแลประชาชน
วันนี้ (16 ตุลาคม 2567) นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่กำนัน ต.ปางหมู และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้นำประชาชนเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเผาแอสฟิลท์คอนกรีต หรือยางมะตอยของโรงงานในพื้นที่ ซึ่งมีกลิ่นเหม็นรบกวนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนกว่า 2,000 ราย ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ อบต.ปางหมู ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) เมืองแม่ฮ่องสอน โดยได้มีการตรวจวัดปริมาณสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดกลิ่น ณ บริเวณแหล่งก่อมลพิษ ประกอบด้วย สารฟอร์มัลดีไฮด์ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ก๊าชคาร์บอนมอนนอกไซด์ และก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ จากผลการตรวจวัดพบว่าปริมาณสารเคมีดังกล่าว มีค่าไม่เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด แต่จากการสอบถามข้อมูลกับประชาชนผู้พักอาศัยในบริเวณหมู่ 11 ทราบว่า ยังคงได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นจากการเผายางมะตอยของโรงงานดังกล่าว
นพ.ธิติ กล่าวต่อไปว่า อบต.ปางหมู จึงได้ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) แม่ฮ่องสอน เพื่อร่วมดำเนินการตรวจสอบปริมาณความเข้มข้นกลิ่น นอกจากนี้ สสจ.แม่ฮ่องสอน ยังได้ประสานขอความร่วมมือไปยังศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ กรมอนามัย ในการร่วมตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียนเหตุรำคาญเรื่องกลิ่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดแผนในการร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งเป็นไปตามกระบวนการจัดการเหตุรำคาญตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.2535
“หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า การประกอบกิจการดังกล่าว ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหรือส่งผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพ จะถือว่าเป็นเหตุรำคาญตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจในการออกคำสั่งให้เจ้าของ หรือผู้ดำเนินกิจการปรับปรุงแก้ไขและระงับเหตุรำคาญภายในระยะยะเวลาที่เห็นสมควร และหากพบว่าเจ้าของหรือผู้ดำเนินกิจการไม่ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและเหตุรำคาญยังคงเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจเปรียบเทียบปรับหรือดำเนินคดีต่อไปแล้วแต่กรณี” นพ.ธิติ กล่าวและว่า กรมอนามัย โดยศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม จะร่วมกับ สสจ.แม่ฮ่องสอน ให้การสนับสนุน อบต.ปางหมู ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาเหตุรำคาญและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองสุขภาพและสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมของประซาชาชนในพื้นที่ต่อไป