สสส.-ไซด์คิก เปิดตัวนวัตกรรม ‘เชื่อมใจ’ คนต่างวัย ปลดล็อก ‘วยาคติ’ ผ่าน 4 พฤติกรรม

สสส.-ไซด์คิก เปิดตัวนวัตกรรม ‘เชื่อมใจ’ คนต่างวัย ปลดล็อก ‘วยาคติ’ ผ่าน 4 พฤติกรรม

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยภายหลัง สสส.ร่วมกับ บริษัท ไซด์คิก จำกัด (Sidekick) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคีเครือข่าย เปิดเวทีนำเสนอนวัตกรรมสานความเข้าใจระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ ผ่านพฤติกรรมเชื่อมวัย ภายใต้โครงการ “ประสบการณ์”  เพื่อลดช่องว่างและทัศนคติระหว่างวัย ว่า

ข้อมูลรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1 ปี 2567 ที่รายงานการประเมินสุขภาพจิตคนไทย ทุกช่วงอายุ จาก Mental Health Check in ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบผู้เสี่ยงซึมเศร้า ร้อยละ 17.2 เสี่ยงฆ่าตัวตาย ร้อยละ 10.6 และมีความเครียดสูง ร้อยละ 15.4 โดยประชากรอายุต่ำกว่า 20 ปี มากถึง 1 ใน 3 เสี่ยงซึมเศร้า และเกือบ 1 ใน 4 เสี่ยงฆ่าตัวตาย อีกทั้งวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการพยายามฆ่าตัวตายสูงที่สุด คือ 116.81 รายต่อแสนประชากร ขณะที่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จสูงที่สุด สาเหตุจากสภาพสังคมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น ความเครียดจากเศรษฐกิจ เครียดจากการทำงาน ความคาดหวังสูงจากคนรอบข้าง การขาดปฏิสัมพันธ์แบบซึ่งหน้า ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมทั้งผู้สูงวัยมีความเหงาและโดดเดี่ยว

ADVERTISMENT

“อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต คือ ปัญหาวยาคติ (ageism) หรืออคติระหว่างช่วงวัย ที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า วยาคติแพร่หลายมากที่สุดในอาเซียนอย่าง ไทย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ หลายคนมักเข้าใจว่า แค่มีความคิดอคติระหว่างช่วงวัย ทำให้เสียความรู้สึก ขุ่นเคืองใจ จากการโดนตัดสินหรือเลือกปฏิบัติ แต่ความจริงแล้ว ส่งผลกระทบทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิตใจ และความเป็นอยู่ที่ดี การใช้ชีวิตในสังคม ทำให้ความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองลดน้อยลง และเกิดภาวะซึมเศร้า หรืออาจส่งผลให้มีอาการซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น และที่ร้ายแรงที่สุด อาจเกิดความสูญเสียถึงชีวิตได้” นพ.ไพโรจน์กล่าว และว่า สสส.ให้ความสำคัญกับการลดช่องว่างระหว่างวัย จึงสนับสนุนการศึกษาแนวทางและพัฒนารูปแบบนวัตกรรมเพื่อก้าวข้ามวยาคติ โดยคิดค้นนวัตกรรมช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย ส่งเสริมสุขภาพจิต และสร้างพื้นที่ให้คนต่างวัยได้มีส่วนร่วมทำกิจกรรมด้วยกันมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมสามารถนำไปขยายผลสู่ภาคการศึกษาต่อได้

ADVERTISMENT

ด้าน นายตุลย์ ปิ่นแก้ว ผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์ บริษัท ไซด์คิก จำกัด กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไซด์คิก ร่วมมือกับ สสส.คิดค้นนวัตกรรมช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย โดยเริ่มจากการวิจัยกลุ่มตัวอย่าง 611 คน ทั่วประเทศ แบ่งเป็น กลุ่มอายุ 15-18 ปี, 19-30 ปี, 31-50 ปี และ 51-70 ปี เพื่อค้นหากลุ่มคนที่มีลักษณะเปิดกว้าง ไม่เหมารวม รับฟังความคิดเห็นของคนทุกวัย โดยพบว่า มีบุคคลที่มีลักษณะเปิดกว้างในระดับสูงร้อยละ 20 ระดับปานกลางร้อยละ 37 และระดับต่ำร้อยละ 41 จึงได้นำลักษณะพฤติกรรมของคนที่เปิดกว้างสูงร้อยละ 20 หรือที่เรียกว่า นักเชื่อมสัมพันธ์ (Connectors) มาถอดรหัส โดยพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ จะมี 4 พฤติกรรมหลักที่โดดเด่น คือ 1.ชื่นชมความพยายามของผู้อื่น 2.ตั้งใจฟังทุกความคิดเห็น 3.กล้าเล่าความผิดพลาดของตนเอง 4.พร้อมที่จะสร้างสรรค์พื้นที่ปลอดภัยให้เกิดการแลกเปลี่ยน

“จากผลลัพธ์ที่ได้นำมาสู่การออกแบบกิจกรรม เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เจอผู้ใหญ่ที่มีบุคลิกตรงกับนักเชื่อมสัมพันธ์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ ได้เห็นลักษณะผู้ใหญ่ที่หลากหลายแตกต่างจากที่คุ้นเคย สู่การลดอคติระหว่างวัยและสร้างนักเชื่อมสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในอนาคต กิจกรรมดังกล่าวส่งผลให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเยาวชนอย่างชัดเจน จากที่เคยกลัวการเข้าหาผู้ใหญ่ หรือการแสดงความคิดเห็น กลับเต็มไปด้วยไอเดียและพร้อมที่จะมีส่วนร่วม และบอกว่าผู้ใหญ่ที่เจอนั้นแตกต่างจากที่คุ้นเคย และไม่คิดว่าผู้ใหญ่ทุกคนเหมือนกันอีกต่อไป” นายตุลย์กล่าว

ขณะที่ รศ.มนสิการ กาญจนะจิตรา อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า หลังจบโครงการ 4-5 เดือน ได้ติดตามชีวิตของเยาวชนเหล่านั้น พบว่า ประสบการณ์จากกิจกรรมยังคงมีผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในเชิงบวก โดยพวกเขาเลือกที่จะฟังมากขึ้น แทนที่จะปะทะความคิดเห็น ไม่เหมารวมทุกคน และพยายามทำความเข้าใจตัวตนของแต่ละคนมากขึ้น เป็นการสนับสนุนการอยู่ร่วมกันในสังคม ที่สมดุลและสร้างสรรค์มากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image