‘สมศักดิ์’ จ่อใช้ กม.ฟันคลินิก/หน่วยบริการถามหาใบส่งตัวผู้ป่วย 30 บาท
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 (6)/2567 ในประเด็นการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ระยะที่ 4 ว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เห็นชอบมอบของขวัญปีใหม่เพื่อคนไทย สุขภาพดีถ้วนหน้า 7 แพคเกจ ได้แก่ แพคเกจที่ 1 หญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด แพคเกจที่ 2 เด็กแรกเกิด-5 ปี แพคเกจที่ 3 เด็กโต-วัยรุ่น แพคเกจที่ 4 ผู้ใหญ่ 24-59 ปี แพคเกจที่ 5 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป แพคเกจที่ 6 ชุดตรวจคัดกรองด้วยตนเอง และ แพคเกจที่ 7 สายด่วนสุขภาพจิต ทั้งนี้ ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. จะมีการคิกออฟฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ในโรคมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์ให้กับนักเรียนหญิง อายุ 11 ปีขึ้นไป หรือชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่โรงเรียนวัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อีกทั้ง ที่ประชุมยังได้เห็นชอบโครงการป้องกันโรคไม่ติดต่อ หรือ NCDs ร่วมกับ สธ. ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากอนุกรรมการชุดที่เกี่ยวข้อง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบการประกาศขยายพื้นที่ดำเนินโครงการการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ระยะที่ 4 รวม 31 จังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศตามนโยบายที่ สธ.ได้ประกาศไว้ พร้อมเห็นชอบแผนการดำเนินงานในระยะที่ 4 รวม 10 ประการ ทั้งการเบิกจ่ายและการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งในที่ประชุมฯ ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องใบส่งตัว โดย สปสช. ยืนยันว่าสามารถใช้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
“ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ก็จะมีความเข้าใจ หรือไม่เข้าใจอยู่บ้าง ซึ่งก็จะมีการปรับแนวทางในช่วงการดำเนินงาน ถ้าหากว่าผู้ให้บริการ หรือผู้ประกอบการยังยึกยัก ก็จะให้ดำเนินคดี” นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงประเด็นของใบส่งตัว ว่า รัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้นโยบายว่า ถ้าพื้นที่ไหนมีประเด็น จะลงไปดูด้วยตนเอง ซึ่ง สปสช.จะต้องไปทำความเข้าใจกับหน่วยบริการต่างๆ ต่อไป ส่วนในประเด็นการจ่ายยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ นั้น ย้ำว่ามีกติกาอยู่แล้ว ถ้ามีความจำเป็น แล้วหน่วยบริการไม่มียาตามบัญชียาหลักที่ต้องใช้ ทางหน่วยบริการจะต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่หน่วยบริการไม่สั่งจ่ายยาที่ไม่มีในบัญชียาหลัก จะมีผลกระทบต่อคุณภาพการรักษาหรือไม่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้ขอให้มีการส่งรายละเอียด เพราะทั้งหมดมีกติกาอยู่
“รัฐมนตรีฯ ให้รับเป็นประเด็นพิจารณาอีกครั้ง เรื่องนี้ต้องมองทั้งสองมุม ในมุมของหน่วยบริการ หากท่านไม่มียาจริงๆ เกิดข้อจำกัดอะไร ก็คงจะต้องมีการประสานใช้ยานอกบัญชียาหลักอีกครั้ง” นพ.จเด็จ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ปี 2568 ประชาชนจะสามารถเข้ารักษาโดยไม่ต้องมีใบส่งตัวได้ทุกที่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการประกาศกติกาในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว ซึ่งหากมีผู้ไม่ทำตามกติกา
“ต้องเรียนว่า จากการที่เราลงพื้นที่ไปดู ยังพบว่ามีบางคลิกนิคติดป้าย ว่า สปสช. ไม่มีงบประมาณ ล่าสุดเหลืออยู่ 2 แห่ง และได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปพูดคุยแล้ว ทางคลินิกก็ยินดีที่จะนำป้ายลง เพราะตามกฎหมายหากมีการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการไปรับบริการ ถือว่าไม่ถูกต้องตามมาตรา 57 และ 59 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่งเราไม่ได้อยากใช้มาตรการทางกฎหมาย แต่เมื่อผ่านระยะหนึ่งมาแล้ว ที่ระบบต่างๆ เข้าที่แล้ว แต่ก็ยังมีที่ติดอยู่ในบางส่วนของปีนี้ เราก็ได้ทำความเข้าใจไปแล้ว รัฐมนตรีฯ ก็ให้นโยบายว่าคงจะต้องดำเนินการ” นพ.จเด็จ กล่าว
เมื่อถามว่า ครั้งนี้เป็นการประกาศว่าหากหน่วยบริการไม่ดำเนินการ จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย นพ.จเด็จกล่าวว่า ไม่อยากให้เป็นการสื่อสารว่าเราส่งสัญญาณ เพียงแต่อยากขอความร่วมมือกับหน่วยบริการ