กทม.สต็อกแน่น! ฉีดฟรีวัคซีนป้อง ‘หัด-ไอกรน-HPV’ – กำชับช่วงปีใหม่ จ้องไข้หวัดใหญ่-โควิด-19

กทม.สต็อกแน่น! ฉีดฟรีวัคซีนป้อง ‘หัด-ไอกรน-HPV’ – กำชับเข้มช่วงปีใหม่ จ้องไข้หวัดใหญ่-โควิด-19

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความพร้อมของ กทม.ในการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกัน โรคหัด โรคไอกรน และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามแนวทางปฏิบัติที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติกำหนด พร้อมแนวทางป้องกันไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 และการแพร่ระบาดของเชื้อก่อโรคทางเดินหายใจในช่วงเทศกาลปีใหม่

จากกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบ 3 แนวทางฉีดวัคซีน ‘หัด-ไอกรน-HPV’ กำชับป้องกันไข้หวัดใหญ่-โควิด 19 ช่วงปีใหม่นั้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักอนามัยได้จัดให้บริการวัคซีนในกลุ่มนักเรียนหญิงไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination) และให้บริการวัคซีนในนักเรียนหญิงไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และหญิงไทยอายุ 12-20 ปี ทั้งในและนอกระบบการศึกษา ในรูปแบบวอล์กอิน (Walk in) ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ทุกวันพุธ เวลา 13.00-15.00 น.

พร้อมร่วมมือกับสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ตรวจสุขภาพนักเรียน ได้แก่ การตรวจสุขภาพตามเกณฑ์ เช่น การตรวจคัดกรองร่างกายทุกระบบ ตรวจคัดกรองสายตา (ป.1-ป.6) และประเมินภาวะโภชนาการ การตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางโดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว (ชั้น ป.3 ทุกคน และ ม.2 เฉพาะเพศหญิง) ตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจางโดยการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว (เฉพาะปีการศึกษา 2567 ชั้น ป.4-6 ทุกคน) การเก็บตกวัคซีนในนักเรียนชั้น ป.1 ที่ได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีน ได้แก่ วัคซีน HPV ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก (ชั้น ป.5 เฉพาะเพศหญิง) วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก (ชั้น ป.6 ทุกคน) และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (เฉพาะปีการศึกษา 2567 ชั้น ป. 1-3 ทุกคน) เป็นต้น พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการฉีดวัคซีนในรูปแบบ infographic ผ่าน facebook สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

ADVERTISMENT

พร้อมกันนี้ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานภาคีเครือข่าย เพื่อเตรียมความพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) และสนับสนุนความร่วมมือรณรงค์การฉีดวัคซีน HPV ในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง อายุ 11-20 ปี ที่เคยรับวัคซีนเข็มที่ 1 มาแล้ว ทั้งในและนอกระบบการศึกษา รวมถึงในสถานพยาบาลของ กทม. ในรูปแบบวัคซีนนักเรียน (School-based vaccination) ที่โรงเรียน และในรูปแบบวอล์กอิน (Walk in) ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงการรับบริการได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุม และในส่วนของนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลและความประสงค์ในการเข้ารับวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ คนละ 1 เข็ม ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนการประสานความร่วมมือสำรวจข้อมูลนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ในโรงเรียนสังกัด กทม. เพื่อเตรียมพร้อมให้บริการวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ เข็มที่ 1 ในช่วงเดือน  ม.ค. – ก.พ. 68 ควบคู่กับการสนับสนุนความร่วมมือส่งเสริมความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก ในการนำบุตรหลานเข้ารับวัคซีน HPV เพื่อป้องกันการติดเชื้อและความลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกในอนาคต

ADVERTISMENT

นางวันทนีย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กทม.ยังประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก โรคโควิด 19 และโรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อก่อโรคทางเดินหายใจอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของสถานพยาบาลในสังกัด กทม. เช่น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข วัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ แผนปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ฯลฯ เพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง ได้จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ในการให้บริการอย่างเพียงพอ รวมทั้งจัดเตรียมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) เพื่อสอบสวนและควบคุมโรคกรณีเกิดการระบาดของโรค ประสานอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ให้เฝ้าระวังและแจ้งเหตุกรณีมีสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ รวมถึงประชาสัมพันธ์คำแนะนำเพื่อป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน และในกรณีพบสัตว์ปีกป่วยตายในชุมชน ให้ประสานศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข และสำนักงานเขต เข้าตรวจสอบสาเหตุ และดำเนินการป้องกัน ควบคุมโรค เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคจากสัตว์สู่คนได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนกำชับให้โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จัดการเรียนการสอนในบรรยากาศพื้นที่ที่โปร่งโล่ง และในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ตลอดจนกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ มีการสื่อสารสร้างความรู้ ความเข้าใจ มาตรการในการเข้ารับวัคซีน ทั้งผู้ปกครอง นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร และผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ กทม. เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคด้วยการรณรงค์สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และได้ดำเนินการมาตรการเชิงรุกในการรณรงค์เน้นย้ำกระตุ้นเตือน และสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเห็นถึงความจำเป็นในการดูแลสุขภาพ เพิ่มความระวัดระวังป้องกันตนเองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยว กลับภูมิลำเนา และมีการรวมกลุ่มสังสรรค์ เพื่อป้องกันการการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงเฝ้าสังเกตอาการตนเอง 7 วัน หลังเดินทางกลับจากท่องเที่ยวหลังจากเทศกาลปีใหม่ หลีกเลี่ยงสัมผัสกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากเริ่มมีอาการไข้เจ็บคอ มีน้ำมูก ครั่นเนื้อครั่นตัว ให้ตรวจด้วยชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 (Antigen Test Kit: ATK) หากตรวจแล้วผลเป็นบวกให้เข้ารับการรักษาตามสิทธิการรักษาพยาบาลของตนเอง ทั้งนี้ ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่งได้จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ในการให้บริการ อย่างเพียงพอ รวมทั้งการเน้นย้ำกระตุ้นเตือนให้ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงการเจ็บป่วย ประชาชนมีการรวมตัวเพื่อทำบุญตามประเพณี การท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ หน่วยงาน สถานศึกษา สถานบันเทิง สถานที่อื่นๆ มีการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทำให้เกิดการรวมตัวของคนจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษจาการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคและน้ำแข็งที่ไม่สะอาดอีกด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image