สปสช.ยัน ‘ผู้ป่วยมะเร็ง’ รักษาได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวตั้งทีมแก้ปมใน 3 เดือน

สปสช.ยัน ‘ผู้ป่วยมะเร็ง’ รักษาได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวตั้งทีมแก้ปมใน 3 เดือน

วันนี้ (16 ธันวาคม 2567) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช.แถลงชี้แจ้งการปรับหลักเกณฑ์เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในโครงการ “มะเร็งรักษาทุกที่” หรือ Cancer Anywhere ว่า จากกรณีที่มีข่าวระบุว่า สปสช.จะยกเลิกโครงการมะเร็งรักษาทุกที่นั้น ขอยืนยันว่าไม่มีการยกเลิกและยังคงดำเนินการต่อ เพียงแต่ที่ผ่านมา อาจมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน โดยเฉพาะการที่ สปสช.ได้มีการปรับหลักเกณฑ์อยู่เรื่อยๆ แต่ยังคงยืนยันว่าผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง สามารถไปรับบริการที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งได้ ไม่ว่าจะเป็นรังสีรักษา เคมีบำบัด การผ่าตัด หรือการให้ฮอร์โมนได้ทุกที่โดยไม่ต้องมีใบส่งตัว

“เหตุที่เกิดขึ้นนั้น เนื่องจาก สปสช.ได้พยายามปรับหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ผู้ป่วยมะเร็งมีโรคร่วมต่างๆ เมื่อพยายามทำให้เกิดความชัดเจน ก็เลยเกิดเป็นความไม่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อวานนี้ (15 ธันวาคม 2567) ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ก็ต้องขอใบส่งตัวจากผู้ป่วยที่ไปรักษาโรคมะเร็ง ได้แก่ โรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี รพ.จุฬาภรณ์ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น เพื่อทำความเข้าใจกัน ออกมาเป็นข้อสรุปร่วมกัน 3 ประเด็น” นพ.จเด็จ กล่าว

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่ 1 หลักเกณฑ์ที่ สปสช. จะกำหนดออกมาใหม่ แต่ยังมีความไม่เข้าใจกัน ก็จะต้องชะลอการออกหลักเกณฑ์นั้นไปก่อน ซึ่งก็หมายความว่า ต้องใช้หลักเกณฑ์เดิม โดยผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในโครงการมะเร็งรักษาทุกที่เดิม ยังคงได้รับบริการเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องมีใบส่งตัว ซึ่งจะรวมถึงโรคร่วม ภาวะแทรกซ้อน และการรักษาต่อเนื่องด้วย โดยจะมีการผ่อนผันในช่วง 3 เดือน เพื่อดูผลการทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ สปสช.จะตั้งคณะทำงาน โดยมี ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย รองผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช เป็นประธานฯ ซึ่งจะมีการทบทวนข้อมูล ปัญหาที่เกิดขึ้น นำมาวางแผนการให้บริการประชาชนในอนาคต ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นมาอีก

“โครงการนี้ยังมีความท้าทายหลายอย่าง ซึ่งอาจารย์แพทย์หลายคนอยากให้มีระบบที่ดูแลเรื่องยา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) และเรื่องงบประมาณ เนื่องจากการรักษาโรคมะเร็งใช้งบประมาณสูง นอกจากนั้นหลายโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยไปใช้บริการมากขึ้น ภาระงานของบุคลากรก็เพิ่มขึ้น จึงมีมติว่าต้องชะลอหลักเกณฑ์ใหม่ๆ ออกไปก่อน 3 เดือน และใช้เวลานี้ในการทำงานร่วมกัน ส่วนเรื่องใบส่งตัวที่มีความกังวลว่า สปสช. จะต้องใช้เพื่อตามไปจ่ายเงินนั้น ยืนยันว่าไม่ต้องมี แต่จากการหารือกันเมื่อวานนี้ (15 ธันวาคม 2567) มีข้อสรุปว่า ต้องใช้การเชื่อมข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อบันทึกข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งจะใช้ระบบ TCB Plus ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่มีข้อมูลผู้ป่วยมะเร็งทั่วประเทศ ให้ รพ.ทุกแห่งได้เข้าไปดู ซึ่งขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า ไม่มีการยกเลิกโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ และในอนาคตจะทำให้ดีกว่าเดิม” นพ.จเด็จ กล่าว

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ขอยืนยันว่าผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง ยังคงไปรับบริการที่ รพ. ใกล้บ้านที่มีความพร้อมได้ ไม่ว่าจะเป็นรังสีรักษา เคมีบำบัด หรือการผ่าตัด และยังรวมเรื่องของภาวะแทรกซ้อนและโรคร่วมต่างๆ ด้วย นอกจากนั้น สปสช.จะหาหรือร่วมกับ รพ.อื่นในทุกสังกัดด้วย

“ขอประชาสัมพันธ์ถึงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ขยายเฟสสุดท้ายรวม 31 จังหวัด ซึ่งจะครบทั่วทุกประเทศ 77 จังหวัด จะมีการคิกออฟในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานฯ ยืนยันว่าภายในสิ้นปี 2567 ทุกจังหวัดจะดำเนินโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้อย่างแน่นอน” นพ.จเด็จ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image