สบส.ย้ำ! รพ.เอกชนเข้มมาตรฐานตรวจสุขภาพ ‘ต่างด้าว’ ป้องกันแพร่โรค
วันนี้ (3 มกราคม 2568) นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ทำให้เกิดการติดต่อค้าขาย เดินทางไปมาหาสู่กันมาอย่างยาวนาน ประกอบกับ การขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชากรในประเทศเพื่อนบ้านตัดสินใจเดินทางเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน (กกจ.) เดือนพฤศจิกายน 2567 ระบุว่าทั่วประเทศมีคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน 3,350,969 คน และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งการหลั่งไหลขอเข้ามาของแรงงานต่างด้าวนั้น ถือว่ามีทั้งผลดีในเรื่องของตลาดแรงงาน และผลกระทบที่สำคัญอย่างปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะปัญหาการระบาดของโรคต่างๆ ที่เคยหายไปจากเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน ฯลฯ ที่เริ่มกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง
“การตรวจคัดกรองสุขภาพแรงงานต่างด้าว จึงถือเป็นกำแพงด่านแรกในการคุ้มครองความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชน แต่ ปัจจุบัน สบส.ยังคงได้รับข้อร้องเรียนในการออกเอกสารใบรับรองแพทย์ปลอมให้แรงงานต่างด้าว โดยไม่มีการตรวจสุขภาพจริง จึงขอเน้นย้ำกับสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ให้คุมเข้ม มาตรฐานการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว พ.ศ.2567 และที่แก้ไขเพิ่มเติมกำหนด และก่อนเปิดให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว จะต้องยื่นแบบคำขอบริการเพิ่มเติมบริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว (แบบ ส.พ. 16) กับ สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในพื้นที่ เพื่อพิจารณาอนุญาต และหากเป็นการออกตรวจสุขภาพคนต่างด้าวนอกสถานที่ตั้ง จะต้องแจ้งรายละเอียดต่อผู้อนุญาตก่อนวันออกให้บริการไม่น้อยกว่า 10 วัน ตามแบบ สพ.ต.1 เพื่อให้การตรวจสุขภาพเป็นไปตามาตรฐาน คุมเข้มการออกใบรับรองแพทย์ปลอม เป็นการหยุดยั้งมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายจากต่างประเทศ” นพ.ภานุวัฒน์ กล่าว
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สำหรับมาตรฐานการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าวที่สถานพยาบาลต้องจัดให้มีตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ ประกอบด้วย 1.มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2.มีห้องเอกซเรย์และเครื่องกำเนิดรังสีทางการแพทย์ที่ผ่านมาตรฐานและแจ้งการครอบครองกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 3.มีแพทย์ผู้รับผิดชอบในการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว อีกทั้ง ต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ประกอบโรคศิลปะอื่นเป็นผู้ร่วมให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพนั้นๆ 4.มีเวชระเบียนและการรายงานผลการตรวจสุขภาพ โดยต้องจัดให้มีรายชื่อคนต่างด้าวที่มาตรวจสุขภาพ ผลการตรวจสุขภาพจำแนกตามโรคต้องห้าม และ 5.มีระบบพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวตนคนต่างด้าวที่เข้ามารับบริการตรวจสุขภาพของสภากาชาดไทย หรือระบบยืนยันตัวตนอื่นที่ สธ.กําหนด
“ในกรณีที่พบว่าโรงพยาบาลไม่มีมาตรฐานการให้บริการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว หรือกรณีที่ผลการตรวจสุขภาพคนต่างด้าว ปรากฏเป็นโรคต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ สถานพยาบาลต้องรายงานผลการตรวจไปยังหน่วยงานของรัฐตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ด้วย หากฝ่าฝืน จะถือว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 35 (4) ประกอบ มาตรา 65 และอาจมีมาตรการทางปกครองสั่งปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราวอีกด้วย” ทพ.อาคม กล่าว