ชัชชาติ เห็นด้วยขยายโอกาส ‘ครู’ ก้าวหน้าในสายงาน – ปรับแผน ‘สุ่มตรวจคลอรีน-เชื้อโรค’ ในน้ำดื่มโรงเรียนสังกัดกทม.
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12568 โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุม
โดยนอกจากเรื่องสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และการประกาศขอความร่วมมือภาคีเครือข่าย WORK FROM HOME (WFH) ที่ประชุมยังได้รายงานเรื่องเพื่อทราบ ได้แก่
เรื่อง การกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าของข้าราชการครูกรุงเทพมหานคร ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ให้มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหารด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร, เรื่อง ผลการพิจารณาการรับทรัพย์สินที่เอกชนยินยอมให้กรุงเทพมหานครจัดให้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ และ เรื่อง แผนการตรวจเฝ้าระวังปริมาณคลอรีนในน้ำอุปโภคและบริโภคในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
สำหรับ เรื่องการกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าของข้าราชการครูกรุงเทพมหานคร ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ให้มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหารด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้คำนึงถึงความก้าวในหน้าที่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงต้องการเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีโอกาสเติบโตในสายงานและดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งจากการประชุม อ.ก.ก. วิสามัญเกี่ยวกับการสรรหาฯ ครั้งที่ 7/2567 ได้มีมติเห็นชอบในหลักการว่าควร เปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร สายงานการบริหารสถานศึกษา มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหารด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร
โดยมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สกก.) ไปดำเนินการเปรียบเทียบตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะเชี่ยวชาญ และเชี่ยวชาญพิเศษ โดยควรเทียบให้ไม่เกินประเภทอำนวยการ ระดับสูง และควรทบทวนพิจารณากลไกที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงแก้ไข ได้แก่ มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง การกำหนดตำแหน่งประเภทอำนวยการในสำนักการศึกษา จัดทำเส้นทางความก้าวหน้าของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานบริหารสถานศึกษา ให้มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหารด้านการศึกษาของกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ ควรมีการเตรียมความพร้อมและออกแบบโครงสร้างให้รองรับ รวมถึงพิจารณาว่าตำแหน่งใด ส่วนราชการใด ที่สามารถเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหารได้ และควรกำหนดให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารของสำนักการศึกษา ควรมีศักยภาพและประสบการณ์ที่เพียงพอ และมีคุณวุฒิที่สอดคล้องกับมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เช่น ต้องเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของกลุ่มโซน ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับที่คณะอนุกรรมการสามัญข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญรองรับ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เห็นด้วยกับโอกาสการก้าวหน้าดังกล่าว แต่ได้กำชับให้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ในการกำหนดรายละเอียดและคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าประเมินตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ให้มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญด้วย
สำหรับ เรื่องผลการพิจารณาการรับทรัพย์สินที่เอกชนยินยอมให้กรุงเทพมหานครจัดให้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ คณะกรรมการพิจารณาการรับทรัพย์สินที่เอกชนยินยอมให้กรุงเทพมหานครจัดให้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ได้มีมติรับทรัพย์สินแล้ว จำนวน 5 ราย และมีมติยังไม่รับทรัพย์สิน จำนวน 3 ราย ที่ประชุมมีมติรับทราบ โดยผู้ว่าฯ กทม. ได้เน้นย้ำว่า ให้คณะกรรมการพิจารณาการรับทรัพย์สินฯ พิจารณาความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยความรอบคอบ หากต้องใช้งบประมาณดำเนินการให้ใช้อย่างเหมาะสม โดยหัวใจคือพื้นที่นั้น ๆ ต้องเข้าออกง่าย ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
ส่วน เรื่องแผนการตรวจเฝ้าระวังปริมาณคลอรีนในน้ำอุปโภคและบริโภคใน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สำนักอนามัยได้รายงานว่า เมื่อปี 2567 มีโรงเรียนเกิดโรคอาหารเป็นพิษ จำนวน 11 แห่ง มีผู้ป่วย จำนวน 818 คน แบ่งเป็น โรงเรียนสังกัด กทม. 2 แห่ง มีผู้ป่วย 310 คน โรงเรียนสังกัดคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 6 แห่ง มีผู้ป่วย 312 คน โรงเรียนสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 2 แห่ง มีผู้ป่วย 153 คน และสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) 1 แห่ง มีผู้ป่วย 43 คน ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาหารและน้ำปนเปื้อนเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร ประกอบกับในช่วงเดือนธันวาคม 2567 มีการแพร่ะบาดของอหิวาตกโรค ณ เมืองชเวโก๊กโก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยเชื้ออหิวาตกโรคสามารถติดต่อโดยการรับประทานอาหารและน้ำที่มีเชื้ออหิวาตกโรคที่มีชีวิตปนอยู่ ผู้บริหารกรุงเทพมหานครมีความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนรวมถึงเด็กนักเรียน จึงมอบให้ สำนักอนามัย สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานเขต ในการ ‘ตรวจเฝ้าระวังปริมาณคลอรีนในน้ำในโรงเรียน’ ซึ่งสำนักอนามัย โดย กองสุขาภิบาลอาหาร ได้จัดซื้อชุดทดสอบคลอรีนอิสระคงเหลือในน้ำ จำนวน 223 ชุด (1 ชุด ตรวจได้ 50 ตัวอย่าง) และน้ำยาตรวจหาเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียขั้นต้นในน้ำและน้ำแข็ง จำนวน 4,900 ขวด พร้อมอุปกรณ์สำหรับใช้ในการตรวจวิเคราะห์ เพื่อสนับสนุนสำนักงานเขต
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการสุ่มตรวจ ปริมาณคลอรีนและตรวจหาเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำอุปโภคและบริโภคในโรงเรียน จำนวนทั้งสิ้น 1,257 แห่ง (สังกัด กทม. 437 แห่ง และนอกสังกัด กทม. 820 แห่ง) มติที่ประชุมรับทราบ มอบสำนักอนามัยนำข้อคิดเห็นของคณะผู้บริหารไปพิจารณาดำเนินการในเรื่องของการปรับแผนการตรวจในโรงเรียนให้เร็วขึ้น เนื่องจากช่วงเปิดเทอมจะเป็นช่วงฤดูร้อนซึ่งอาจมีโรคที่พบบ่อย เช่น โรคท้องร่วง และให้ขยายผลตรวจสุขาภิบาลอาหาร โดยตรวจทั้งในโรงเรียนและร้านอาหารที่จำหน่ายบริเวณรอบโรงเรียน ตลอดจนแคมป์คนงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ