ชัชชาติรับ “ยังทำได้ไม่ดีที่สุด” จ่อชง 11 ข้อ เสนอรบ. หวังแก้ฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ

ชัชชาติรับ “ยังทำได้ไม่ดีที่สุด” จ่อชง 11 ข้อ เสนอรบ. หวังแก้ฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 4) ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมี นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) คณะผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม

โดยนายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก. เขตมีนบุรี ได้เสนอญัตติด้วยวาจา เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครรายงานความคืบหน้าการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร

ชัชชาติ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ในตอนหนึ่ง นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. มีการรวบรวม 11 ข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่

1. มาตรการตรวจควันดำและการตรวจสภาพรถประจำปี ประกอบด้วย การลดค่าความทึบแสงให้เหลือ 10% หรือให้ กทม. กำหนดค่ามาตรฐานเอง และการตรวจสารมลพิษอื่นจากปลายท่อไอเสีย

ADVERTISMENT

2. การติดตัวกรองมลพิษอนุภาคจากเครื่องยนต์ดีเซล (DPF) โดยพิจารณาในกลุ่มรถที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อลดมลพิษจากแหล่งกำเนิดภาคการจราจร

3. การให้ กทม. เป็นผู้ตรวจการขนส่ง เพื่อให้มีอำนาจเรียกรถให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ ตลอดจนจับกุมผู้ฝ่าฝืน

ADVERTISMENT

4. การจัดการรถเก่า โดยเพิ่มการจัดเก็บภาษีรถเก่าให้สอดคล้องกับการปล่อยมลพิษของรถตามอายุการใช้งาน และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถพลังงานไฟฟ้า (EV) โดยอาจสนับสนุนการนำรถเครื่องยนต์สันดาปแลกรถยนต์ EV คันแรก

5. ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษในพื้นที่ได้อย่างสอดคล้องกับบริบทเมือง

6. การควบคุมปริมาณรถ โดยสนับสนุนรถพลังงานไฟฟ้า จำกัดการซื้อรถใหม่ที่มาตรฐานต่ำกว่ายูโร 5 หรือทะเบียนเก่าแลกทะเบียนใหม่ จำกัดการเพิ่มขึ้นของรถ และนำรถเก่าออกจากระบบ

ชัชชาติ

7. การย้ายท่าเรือคลองเตย เพื่อลดปริมาณแหล่งกำเนิดมลพิษภาคการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ

8. การควบคุมโรงงานอุตสาหกรรม (ทั้ง 236 แห่ง) โดยกำหนดให้มีการจัดทำรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากสถานประกอบกิจการที่มีหม้อไอน้ำ รวมทั้งให้ติดตั้ง CEMs (เครื่องตรวจวัดมลพิษปลายปล่อง) ทุกโรงงาน

9. การเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle: PPP) โดยขอให้เร่งรัดกระบวนการพิจารณาข้อบัญญัติกฎหมายภายใต้พระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … และเร่งรัดการประกาศใช้ต่อไป

10. การตรวจมลพิษในท่าเรือ (จากปลายท่อ) โดยแต่งตั้งให้ข้าราชการสังกัด กทม. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติการตามมาตรา 63 มาตรา 65 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษจากเรือตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยทั่วราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพฯ

11. การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อวิเคราะห์สารมลพิษและผลกระทบต่อสุขภาพ ตลอดจนการกำหนดมาตรการลดและควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็กและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสารมลพิษที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เมือง

“เรื่องมาตรการฝุ่นต้องเรียนว่ามีหลายมิติ และเชื่อว่าเป็นความพยายามที่ต้องมีหลายหน่วยงานร่วมกัน และต้องช่วยกันผลักดัน กทม. เองก็ต้องยอมรับว่าเรายังทำได้ไม่ดีที่สุด ต้องทำให้ดีกว่านี้ หาก ส.ก. มีข้อเสนอแนะอะไร เรายินดีรับฟังและนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันขอให้ช่วยกันผลักดันในสภาใหญ่กับทางรัฐบาลด้วยเพราะหลายเรื่องไม่ได้อยู่ในขอบเขตเรา อย่างมากทำได้แค่ไปดู ถ่ายรูป หารือ แต่ไม่มีอำนาจไปจัดการ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคตยังมีความหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น” นาย ชัชชาติ กล่าว

ชัชชาติ

นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องฝุ่น ห้ามพูดว่าเราทำดีที่สุดแล้วเพราะจะไม่เกิดการปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่หาทางใหม่ ๆ รวมถึงไม่ฟังความเห็นจากคนอื่น ฉะนั้น เรายืนยันว่าจะทำให้ดีกว่านี้ จะพยายามทำให้ดีขึ้น

“ส่วนเรื่องเครื่องกรองฝุ่นขนาดยักษ์ ตอนนี้เรามีความร่วมมือกับกรุงปักกิ่งอยู่ เดี๋ยวจะนำเรื่องนี้ไปถามเพราะเขาน่าจะมีข้อมูลที่ช่วยสนับสนุน เรื่อง LEZ ถือเป็นการเริ่มต้น ซึ่งในหลายประเทศก็จะเน้นที่ชั้นในก่อน เพราะเป็นจุดที่มีการจราจรติดขัด อย่างไรก็ตาม เราก็พร้อมที่จะขยายเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ส่วนตัวเลขที่คลาดเคลื่อนต้องขอบคุณสำหรับข้อแนะนำ จะนำไปปรับปรุงให้มีความแม่นยำมากขึ้น ด้านข้อแนะนำต่าง ๆ อาทิ การตัดต้นไม้ แพลนท์ปูน โรงกำจัดขยะ ฯลฯ จะรับไปปรับปรุงให้ดีขึ้น เรื่องการล้างถนน เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการทุกวัน ซึ่งจะเน้นย้ำให้ดำเนินการในทุกพื้นที่และนำภารกิจมาประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เรื่องการแจกหน้ากากอนามัย สำนักอนามัยได้มอบให้สำนักงานเขตไปแล้ว 1,240,000 ชิ้น สำหรับนำไปแจกแก่กลุ่มเปราะบาง รวมถึงได้ดระจายไปยังศูนย์บริการสาธารณสุข 700,000 ชิ้น สำหรับผู้ใหญ่ 200,000 ชิ้น และเด็กในโรงเรียน 500,000 ชิ้น เรื่องศูนย์พัฒนาเด็กฯ ที่อยู่นอกการดูแลของ กทม. จะรับไปหาแนวทางดูแลและปรับปรุงให้ดีขึ้น ในส่วนของการเผาขยะได้มีการตรวจสอบให้เข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ โดยภาพรวมข้อเสนอแนะต่าง ๆ จะรับมาและพยายามจะทำให้ดีขึ้น เข้มข้นขึ้น เพราะหน้าที่เราคือการดูแลประชาชนทุกคน”
นายชัชชาติกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image