UHosNet ขอบอร์ดฯ เลือก ‘เลขา สปสช.’ คนใหม่ ต้องประสานงานทุกฝ่ายได้จริง ออกนโยบายชัดเจน

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ หรือ กลุ่ม UHosNet ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหา “เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)” คนใหม่ ว่า เลขาธิการ สปสช. เป็นตำแหน่งสำคัญ เหมือนเป็นพ่อบ้าน ตำแหน่งนี้จึงสำคัญมาก ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพจากคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ดสปสช.) สู่ระดับปฏิบัติ ขณะเดียวยังเป็นผู้ผลักดันการงานจากระดับปฏิบัติการสู่ระดับนโยบายจากล่างสู่บนเช่นกัน ก่อนจะไปประกาศเป็นนโยบาย จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันวางระบบงาน ประเมิน ตรวจสอบให้รอบคอบก่อน

“โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเงินทองด้วย หากไม่กำกับอย่างถี่ถ้วน จะสามารถเกิดประเด็นปัญหาอย่างที่ผ่านมา เช่น กรณีปัญหากับคลินิกชุมชนอบอุ่น หรือการปรับระบบริการใน กทม. สถานพยาบาลเอกชนออกจากระบบบัตรทอง เพราะ ผู้ที่เดือดร้อนคนแรกคือประชาชน” รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าว

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า มุมมองของผู้ให้บริการ หรือ Provider เราเข้าใจถึงอำนาจตำแหน่งหน้าที่เลขาฯสปสช. ต้องชงเสนอบอร์ด โดยนโยบายต่างๆ ต้องประสานงาน เจรจา หาทางออกกับผู้เกี่ยวข้องว่าปฏิบัติได้จริง เช่น การกำหนดอัตราการจ่าย กระบวนการบริการ การส่งข้อมูล การกำกับ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลังจากประกาศบังคับใช้ จะไปโทษบอร์ด สปสช.ไม่ได้ เพราะคนที่เป็นเลขาธิการต้องรู้กระบวนการทั้งหมด ไม่อยากให้มีสถานการณ์ที่กลุ่มผู้ให้บริการยกขบวนกันไปร้องเรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. หรือไม่อยากให้โรงพยาบาล (รพ.) ต้องมาทักท้วงนโยบายที่บอร์ประกาศ เราควรนำเวลาที่มีค่าไปหารือว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์กว่าที่เป็นอยู่ และระบบบัตรทองจะยั่งยืน

“นี่เป็นความต้องการที่เราและประชาชนต้องการ เราอยากได้คนที่สามารถประสาน ทั้งนโยบายบอร์ด มาถึงส่วนที่เกี่ยวข้อง ผู้ให้บริการประชาชน ลดรอยต่อ ไม่ทำให้ประชาชนสับสนทุกปี อยากได้เลขาธิการที่สามารถเข้าถึงและประสานได้ดีกับทุกฝ่าย และมีข้อสรุปที่ชัดเจน” รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าว

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการ Provider กับทาง สปสช.แล้วหรือไม่ รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นจัดตั้งคณะทำงาน นั่นเป็นเพียงหนึ่งกลไกให้ผู้เกี่ยวข้องในระบบบริการช่วยทำราบรื่นขึ้น แต่ชีวิตจริงของการทำงาน ต้องการประสานงานมากกว่านี้ เพื่อให้ คน รพ.ทำงานง่าย เจ้าหน้าที่ สปสช. อึดอัดใจน้อยกว่านี้ นั่นคือความหวัง

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีใบส่งตัว มีคำถามว่าติดที่รพ.โรงเรียนแพทย์ยังต้องการ รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ต้องไปถาม สปสช.ผู้ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่ ไม่เคยถามผู้ให้บริการ แต่ไปออกนโยบายทันที อย่างมะเร็งรักษาทุกที่(Cancer Anywhere) อยู่ๆ จะปรับเกณฑ์การเบิกจ่าย หากผู้ป่วยมะเร็งมีโรคร่วม เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ รพ.จะรักษาไม่ได้ ต้องส่งกลับไป รพ.ต้นทาง ดังนั้น การที่ รพ.หลายแห่งออกมาทักท้วงนั้น ก็เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถทำการรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่มีโรคร่วมได้ในคราวเดียวกัน เพราะตามประกาศ สปสช.ใหม่ที่ให้มีผลวันที่ 1 ม.ค.2568 จะกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยที่มีโรคร่วมกับมะเร็ง เพราะ รพ.รับส่งต่อรักษาได้แต่มะเร็งเท่านั้น จึงออกมาทักท้วงกันเพื่อผู้ป่วย และเห็นว่าหากปล่อยไปเช่นนี้ ระบบริการมะเร็งจะไปไม่รอด

ADVERTISMENT

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวย้ำว่า คำสั่ง ประกาศต่างๆ ศักดิ์สิทธิ์ การจะออกนโยบาย ประกาศใดๆ ขอให้ถามทางผู้ให้บริการตัวจริงว่าทำได้ไหมด้วย และขอให้เลขาฯ คนใหม่ทำงานไปข้างหน้า ไม่ใช่ให้ รพ.บริการมาครึ่งปี ค่อยมากำหนดว่าจะจ่ายเงินอย่างไรย้อนหลัง ซึ่งเป็นกองทุนเดียวที่ปฏิบัติเช่นนี้ ต่างจากกรมบัญชีกลาง หากมีประกาศว่าจะเริ่ม 1 ม.ค.2568 แต่หนังสือออกล่วงหน้าตั้งแต่ ต.ค.2567 เพื่อให้ รพ.ต่างๆเตรียมตัว ควรปรับการประสานงานให้หน่วยบริการได้เตรียมตัว โดยเฉพาะสถานพยาบาลเอกชนและคลินิก เขามีต้นทุน แต่จะไปจ่ายย้อนหลังในราคามัดมือชก มันไม่ยุติธรรม

“จริงๆ ผมต้องขอชื่นชมกรมบัญชีกลาง และประกันสังคม เพราะจะทำอะไร ประกาศอะไร เราคุยกันก่อน ปรึกษาหารือกันถึงการวางระบบบริการ เรามีตัวแทนเข้าประชุมแลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆอย่างที่ชัดเจนมาโดยตลอดก่อนประกาศใช้นโยบาย กลับมาที่เรื่องการสรรหาเลขาธิการ สปสช. คนต่อไป เราขอวิงวอนให้บอร์ดโปรดสรรหา เลขาธิการผู้ที่จะสามารถทำงานกับผู้มีส่วนร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ลงลึกช่วยเจ้าหน้าที่หน้างานของ สปสช.เอง เพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง” รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image