บอร์ด สปสช.เพิ่ม 6 รายการบัญชียาหลักฯ ช่วยผู้ป่วยวัณโรค หน่วยไตอักเสบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

บอร์ด สปสช.เพิ่ม 6 รายการบัญชียาหลักฯ ช่วยผู้ป่วยวัณโรค หน่วยไตอักเสบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด สปสช. ว่า บอร์ด สปสช.ได้อนุมัติยา 6 รายการ เป็นประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บัตรทอง 30 บาท ตามเงื่อนไขที่คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติเห็นชอบ เพื่อดูแลผู้มีสิทธิได้เข้าถึงยารักษาที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุม ภายหลังผ่านการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการและการบริหารกองทุนแล้วก่อนหน้านี้ รวมถึงคณะอนุกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้นำเสนอต่อบอร์ด สปสช.

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยา 2 รายการแรก ใช้รักษาวัณโรค ตามคำแนะนำแนวทางการรักษาขององค์การอนามัยโลก ได้แก่ ยาพรีโตมานิด (Pretomanid) ใช้รักษาวัณโรคดื้อยาหลายขนาน หรือวัณโรคดื้อยาหลายขนานชนิดรุนแรงที่มีประสิทธิภาพดี มีความปลอดภัยและใช้เวลาการรักษาสั้นลง โดยกินยาต่อเนื่อง 6 เดือน จากสูตรเดิมที่ต้องกินยาต่อเนื่อง 9-20 เดือน ทำให้เพิ่มโอกาสการรักษา มีผู้ป่วยที่ต้องใช้ยานี้ประมาณ 980 คนต่อปี เมื่อคำนวณกับการรักษาด้วยยาสูตรเดิมจะทำให้ประหยัดงบประมาณได้ถึง 51.53-59.64 ล้านบาท

ADVERTISMENT

ยาไอโซไนแอสิด+ไรฟาแพนทีน (Isoniazid+rifapentine) ใช้รักษารักษาวัณโรคระยะแฝง หรือผู้มีความเสี่ยงสูงต่อวัณโรคระยะแฝง โดยยาไรฟาแพนทีนเป็นยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หากเพิ่มเป็นยาไอโซไนแอสิด+ไรฟาแพนทีนจะช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้นกว่าการใช้ยาเดี่ยว โดยกินยาน้อยกว่าและใช้เวลารักษาน้อยกว่ายาสูตรอื่น ประมาณการมีผู้ป่วยที่ต้องใช้ยานี้ 5,859 คนต่อปี ลดค่ารักษาเมื่อเทียบกับยาสูตรเดิมได้ 1,117.16 – 1,314.10 บาทต่อคน

“ยา 2 รายการนี้ เบื้องต้นปีงบประมาณ 2568 กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการจัดหางบ และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะดำเนินการต่อเนื่องหลังจากนั้น” นายสมศักดิ์ กล่าว

ADVERTISMENT

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ส่วนยาอีก 4 รายการ จะเป็นการขยายข้อบ่งใช้ยาให้ครอบคลุม และเพิ่มประสิทธิภาพรักษาผู้ป่วยมากขึ้น ได้แก่

ยาโสฟอสบูเวียร์+เวลปาทาสเวียร (Sofosbuvir + Velpatasvir) และ ยาไรบาวิริน (Ribavirin) สำหรับรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังทุกสายพันธุ์ ในผู้มีน้ำหนักมากกว่า 30 กิโลกรัม และผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาครั้งแรก โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พิจารณาแล้วว่า ยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยในการรักษาไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง และสามารถใช้ได้ในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีน้ำหนักมากกว่า 30 กิโลกรัม รวมถึงสามารถให้ยาซ้ำอีก 24 สัปดาห์ กรณีที่ล้มเหลวจากการรักษาครั้งแรก ประมาณการว่า จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 660 คนต่อปี

ยาเซฟตาสิดีม+เอวิแบคแตม (ceftazidime+avibactam) เดิมบัญชียาหลักแห่งชาติกำหนดให้ใช้รักษาการติดเชื้อ Carbapenem resistant Enterobacteriaceae (CRE) ที่มีข้อห้ามใช้ยาโคลิสติน (Colistin) โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาฯ ได้เพิ่มเงื่อนไขให้ชัดเจน คือ ให้ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาโคลิสตินด้วยเหตุผล คือเชื้อ CRE ที่ตรวจพบดื้อต่อยาโคลิสติน แพ้ยาโคลิสตินรุนแรง หรือเกิดภาวะเป็นพิษต่อไต ประมาณการผู้ป่วยที่ต้องใช้ยา 30 คนต่อปี

เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ยาริทักซิแมบ (Rituximab) ได้เห็นชอบหลักการใช้ยาในข้อบ่งใช้เพิ่มเติม ดังนี้

โรคหลอดเลือดอักเสบแองคา ช่วยลดการเกิดซ้ำของโรค ประมาณการผู้ป่วยที่จะใช้ยา 794 คน, กลุ่มอาการโปรตีนรั่วในปัสสาวะไม่ทราบสาเหตุ ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยากลุ่มอื่น และลดกลับเป็นซ้ำของโรคได้ 9-19 เดือน ประมาณการผู้ป่วยที่จะใช้ยาจำนวน 80 คน, โรคหน่วยไตอักเสบ ช่วยให้ภาวะของโรคสงบร้อยละ 53.6-80.3 ประมาณการผู้ป่วยที่จะใช้ยาจำนวน 80 คนต่อปี, โรคลูปัสหรือเอสแอลอี ประมาณการผู้ป่วยที่จะใช้ยาเป็นเด็ก 60 คน และผู้ใหญ่ 568 คน

โรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ ใช้ทดแทนยา IVIg ซึ่งให้ผลการรักษาไม่แตกต่างกัน แต่มีราคาถูกกว่า ปีงบประมาณ 2567 ฐานข้อมูล สปสช. มี 46 คน หากผู้ป่วยครึ่งหนึ่งเปลี่ยนมาใช้ยา Rituximab จะประหยัดค่ารักษาจากการใช้ยา IVIg ได้ 4,013,879.04 บาทต่อปี, โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอนฮอดจ์กิน มีประสิทธิผลมากกว่าการใช้ยาเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว และราคายาถูกลงมากจึงได้ขยายข้อบ่งใช้ยา ประมาณการผู้ป่วยที่ใช้ยา 973 คน

“ยา 4 รายการที่ขยายข้อบ่งใช้เพิ่มเติม บอร์ด สปสช. มอบอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยาฯ ในการปรับแผนจัดหายา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ วงเงินงบไม่เกิน 43.42 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2568 ให้ใช้งบคงเหลือจากแผนการจัดหายาฯ ตามโครงการพิเศษ” นพ.จเด็จ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image