สมศักดิ์ เผย 5 มาตรการคุมฝุ่นPM2.5 ขอจังหวัดตั้ง ‘ศูนย์พักพิงชั่วคราว’ ดูแลประชาชน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2/2568 ว่า วันนี้มีการหารือถึงมาตรการป้องกันควบคุมโรคจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ฝุ่นPM2.5 เนื่องจากได้รับการร้องขอมาจากจังหวัดต่างๆ ให้มีการประกาศมาตรการเพิ่มเติม ทั้งนี้ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ไม่ได้นิ่ง บางครั้งการประกาศมาตรการต่างๆ อาจจะช้าไป หรือเร็วไป ก็จะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติในวันนี้ว่า ให้อำนาจอธิบดีกรมควบคุมโรคได้ถือปฏิบัติและส่งข้อมูลไปในแต่ละจังหวัด โดยมี 5 มาตรการที่จะดำเนินการเพิ่มเติม คือ 1.ลดการสัมผัสฝุ่น PM2.5 เป็นประเด็นใหม่ที่เป็นข้อแนะนำในพื้นที่จังหวัดต่างๆ คือ ศูนย์พักพิงชั่วคราว(Temporary Shelter) เพื่อทำเป็นพื้นที่ปลอดฝุ่น

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า 2.การสื่อสารความเสี่ยง เช่น หอกระจายข่าว การออกข่าว หรือการให้ความรู้ประชาชน โดยต้องทำอย่างสม่ำเสมอ 3.เฝ้าระวังเชิงรุก โดยแต่ละพื้นที่จะต้องสำรวจกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มเปราะบาง เพื่อเฝ้าระวังโรคและช่วยคัดกรองโรคเพิ่มเติม 4.การเฝ้าระวังสุขภาพเชิงรับ ที่เป็นการดูแลรักษาโรคทางหู ตา คอ จมูก หรืออาการป่วยที่ได้รับผลจากฝุ่น ให้มีความพร้อมในการดำเนินการทั้งโรงพยาบาล (รพ.) หน่วยบริการในสังกัดสธ. และ 5.การแจ้งรายงานการสอบสวนโรค จะต้องทำให้เป็นเรื่องปกติ ให้มีรายละเอียด ไม่ใช่ประกาศมาตรการไปแล้วปล่อยเฉย จะต้องมีคู่มือดำเนินการ และทำให้พร้อม เพื่อเป็นข้อมูลทั้งการรักษา การป้องกันนายสมศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 28 มกราคม เห็นชอบเรื่องการกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562 และพิจารณาปรับปรุง หรือกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อใช้ดำเนินการในเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกันได้ตามความเหมาะสม ในการประชุมครั้งนี้ มีการปรับใช้มาตรการเพื่อดำเนินการในเขตพื้นที่ โดยกำหนดเขตพื้นที่เป็น 2 ระดับ ได้แก่ เขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวังและการป้องกันโรค คือ มีค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยใน 24 ชั่วโมง เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) แต่ไม่เกิน 75 มคก./ลบ.ม. จะมีมาตรการสนับสนุนหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง และจัดเตรียมพื้นที่หรือห้องปลอดฝุ่นในอาคารสถานที่ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน หรือศูนย์รองรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เขตพื้นที่ที่ต้องมีการควบคุมโรค คือ มีค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยใน 24 ชั่วโมง เกิน 75 มคก./ลบ.ม. มีมาตรการ 1.สนับสนุนหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง และจัดเตรียมพื้นที่หรือห้องปลอดฝุ่นในอาคารสถานที่ ในเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวังและการป้องกันอย่างต่อเนื่อง 2.หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ พิจารณาปรับรูปแบบการ การทำงานจากที่บ้าน (Work from home) เป็นลำดับแรก และงดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต่อเนื่อง ส่วนภาคเอกชนให้พิจารณาปรับรูปแบบการดำเนินงานหรือวิธีการทำงานของหน่วยงานเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ตามสมควรแก่กรณี

3.หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด 4.ใช้กลไกและมาตรการทางกฎหมายตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ฯ โดยให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ให้คำแนะนำแก่อธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อประกาศเขตพื้นที่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นกรณีที่หากปล่อยไว้อาจเกิดหรือก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในเขตพื้นที่ เพื่อให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคจากฝุ่น PM2.5 หรือกำหนดมาตรการอื่นใดที่เหมาะสมแก่สภาพของพื้นที่นั้นเป็นการเฉพาะ

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image