พิพัฒน์ เผย 5 ตัวประกันไทย กลับถึงมาตุภูมิ 9 ก.พ.นี้ เตรียมนำทีมก.แรงงานรอรับที่สุวรรณภูมิ
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีแรงงานไทยในอิสราเอล จำนวน 5 รายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกันในระหว่างการสู้รบในประเทศอิสราเอล และได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ว่า หลังจากการได้พูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับแรงงานไทยทั้ง 5 คน ทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้อดอยาก ใช้ชีวิตตามสภาพความเป็นอยู่ของบริเวณที่ถูกกักตัว และจะเดินทางกลับมายังประเทศไทยพร้อมกันทั้ง 5 คน โดยออกเดินทางจากประเทศอิสราเอลในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และถึงประเทศไทยในเวลา 07.35 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเครื่องบินพาณิชย์ จึงขอเชิญชวนทุกคนมาต้อนรับแรงงานไทยของเรา ส่วนอีก 1 คนที่ยังไม่ทราบรายละเอียด ก็ขอภาวนาให้ได้กลับสู่อ้อมกอดครอบครัวอย่างปลอดภัย
“เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ผมและเจ้าหน้าที่บริหารกระทรวงแรงงานจะไปต้อนรับด้วยตนเอง และเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ทางกระทรวงแรงงานจะเป็นผู้รับผิดชอบและดูแลแรงงานไทยทั้ง 5 คนและครอบครัว โดยเบื้องต้นได้เตรียมรถรับส่งให้แรงงานไทยทั้ง 5 คน พร้อมครอบครัวเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของแต่ละคน พร้อมเตรียมหน่วยแรงงานจังหวัดเข้าไปดูแล ส่วนเรื่องสวัสดิการต่างๆ ที่จะได้รับจากทางฝั่งไทย ซึ่งจะคุ้มครองไปจนถึงเสียชีวิต ผมจะรวบรวมและมีการแถลงข่าวพร้อมๆกับแรงงานทั้ง 5 ท่านในวันอาทิตย์นี้ต่อไป“ นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า โดยเบื้องต้น ทางรัฐบาลอิสราเอลได้ดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ของแรงงานไทยจากสถาบันประกันภัยอิสราเอลที่แรงงานทั้ง 5 คนจะได้รับ โดยทางการอิสราเอลจะออกเอกสารรับรองตัวประกันที่ถูกปล่อยตัว และจะจ่ายเงินชดเชย ดังนี้ 1) บัตรเงินสด จำนวน 10,000 เชคเกล โอนเงินเข้าบัญชี 50,000 เชคเกล 2) เงินช่วยเหลือรายเดือน จนถึงอายุ 67 ปี จ่ายเงินชดเชยรายเดือน 3,300 เชคเกลต่อเดือน อายุ 67 – 80 ปี จ่ายเงินชดเชยรายปี 39,000 เชคเกล และการจ่ายเมื่ออายุ 80 ปีขึ้นไป จ่ายเงินชดเชยรายปี 49,000 เชคเกล โดยในเดือนแรกนี้แรงงานไทยทั้ง 5 คน จะได้รับเงินชดเชยประมาณคนละ 60,000 เชคเกล หรือประมาณ 600,000 บาท
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ประเทศอิสราเอลจำนวนเท่าไหร่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ประมาณการไว้ว่ามีแรงงานไทยทำงานอยู่ที่อิสราเอลไม่น้อยกว่า 35,000 คน ซึ่งจากการไปหารือกับทางรัฐบาลอิสราเอลเมื่อต้นปี 2568 ไทยเราได้รับโควต้าเกี่ยวกับแรงงานด้านภาคการเกษตรจำนวน 13,000 คน และภาคการก่อสร้าง จำนวน 8,500 คน หากครบเต็มจำนวนโควต้าที่นายจ้างอิสราเอลต้องการ กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางาน (กกจ.) ก็จะมีการเจรจาต่อไปเพื่อเตรียมพร้อมส่งแรงงานไปเพิ่มเติมตามโควต้าที่ได้รับให้เสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกของปี 2568
ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตนและผู้บริหารกระทรวงแรงงานจะไปรับแรงงานไทยทั้ง 5 รายด้วยตนเอง โดยจะรวบรวมสิทธิประโยชน์ตามที่กำหนดไว้ แต่สิทธิประโยชน์จากสถาบันประกันภัยอิสราเอลที่แรงงานทั้ง 5 คนจะได้รับข้างต้นนั้น หากเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกรอบจะถูกตัดสิทธิ
“ตัวประกันแรงงานไทยมีทั้งหมดมี 8 คน แต่เบื้องต้นได้มีการรายงานมาว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน ทำให้ยังเหลือแรงงานไทยอีก 6 คน แต่ได้รับการปล่อยตัวจำนวน 5 คน ส่วนตัวประกันแรงงานไทยอีก 1 รายที่ยังทราบเบาะแสซึ่งผมได้ทราบรายละเอียดเบื้องต้นมาจากแรงงานไทยทั้ง 5 คน คาดว่ายังมีชีวิต แต่ยังคงเร่งติดตามหาอยู่” นายบุญสงค์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงงานไทยทั้ง 5 คน มีกำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทยพร้อมกันในช่วงเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ สำหรับเที่ยวบินกลับประเทศไทยของคนไทยที่ถูกปล่อยตัว มีดังนี้
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.50 น. ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ โดยสายการบิน Flydubai เที่ยวบินที่ EK2269 เวลา 18.55 น. เดินทางถึงนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี จากนั้น เวลา 22.35 น. ออกเดินทางจากนครดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK374
จะถึงประเทศไทยในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.35 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
สำหรับแรงงานไทยทั้ง 5 คน ประกอบด้วย
1.นายวัชระ ศรีอ้วน อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.อุดรธานี
2.นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา อายุ 35 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.บุรีรัมย์
3.นายเสถียร สุวรรณคำ อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.หนองบัวลำภู
4.นายสุระศักดิ์ ลำเนา อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.อุดรธานี และ
5.นายบรรณวัชร แซ่ท้าว ภูมิลำเนาเป็นชาว จ.น่าน