‘ชัชชาติ’ชี้ผู้นำ‘เก่ง-ดี’ไม่พอ! แต่ต้องเข้าใจบริบทสังคม ยกสมรสเท่าเทียม สร้างความเชื่อมั่น-นทท.เยือนกรุงทะลุ 32 ล้านคน
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ Ballroom 1 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา ‘Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย’ เพราะความเชื่อมั่นคือพลังสู่ ‘ความจริง’ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
บรรยากาศตั้งแต่เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีบุคคลจากหลายแวดวงทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การเมือง ตลอดจนผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจเดินทางมาลงทะเบียนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษซึ่งจัดขึ้นตลอดทั้งวัน โดยไฮไลต์ในช่วงเช้าได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาร่วมปาฐกถาพิเศษ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในเวลา 09.45-10.15 น.
เวลา 15.10 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บรรยายพิเศษในหัวข้อ “เชื่อมั่นกรุงเทพฯ เมืองหลวงระดับโลก”
ในตอนหนึ่งนายชัชชาติกล่าวว่า คิดว่าเรื่อง Trust เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในมุมที่ตนทำมาหลายอาชีพตั้งแต่เป็นอาจารย์ นักการเมือง รัฐมนตรี ซีอีโอ และผู้ว่าฯ คิดว่าไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่า ‘ความไว้วางใจ’ อีกแล้ว สำหรับการทำงานและทุกอย่าง และตนเชื่อว่า Trust เป็นใบอนุญาตในการเป็นผู้นำ เพราะถ้าไม่มี Trust ยากที่เราจะไปทำอะไรต่างๆ
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า เมื่อเช้ามีสื่อต่างชาติมาสัมภาษณ์ถึง ‘หมูเด้ง’ ว่า หมูเด้งกับผู้ว่าฯ ใครดังกว่ากัน ตนคิดว่าหมูเด้งชัวร์เลย เพราะขนาดวิทาลิก บูเทอริน ผู้ก่อตั้ง Ethereum เขามาหาหมูเด้ง ไม่ได้มาหาผู้ว่าฯ ก็ถือว่าสร้างความมั่นใจให้กับประเทศชาติได้
“ผมขอเปลี่ยนชื่อเรื่องจากเชื่อมั่นกรุงเทพฯ เมืองหลวงระดับโลกหน่อย เพราะเราคงไม่มาโปรโมตกรุงเทพฯ แต่วันนี้ผมว่าจะพูดทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะมันต้องพูดกันให้ลึก ซึ่งตามจริงแล้วเราไม่ได้เน้นต่างชาติ คือ ขอให้คนไทยเชื่อมั่นกรุงเทพฯก่อน แล้วเดี๋ยวต่างชาติตามมา เราจะไม่ก้าวไปถึงว่า โห คนต่างชาติเชื่อมั่น แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนกรุงเทพฯ ก่อน แล้ววันนี้ผมคงพูดหัวข้อ Trusted Bangkok” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ตามจริงแล้ว Trust คือ Ultimate Human Currency เลย เพราะถ้าเราใช้เงินเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนทางการค้าขายกัน แต่ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ Trust ก็คือ เงินตรา หมายถึงว่า ถ้าไม่มี Trust ก็ไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ ตนคิดว่าตรงนี้เป็นหัวใจของเรื่องนี้เลย แล้วเราต้องพูดกันในทุกระดับ
“วันนี้ขอพูด 3 เรื่องสั้นๆ เริ่มจากพื้นฐานของความไว้ใจก่อน เพราะเราคงไม่ได้พูดว่าเชื่อมั่นกรุงเทพฯ หรอก แต่ว่าเราต้องเข้าใจว่าความเชื่อมั่นมาจากไหน อันที่สอง คือ เกิด Power Shift ไหม เพราะประมาณปี 2,000 กว่า Trust มันเริ่มเปลี่ยนแลนด์สเคปใหม่ ซึ่งผมคิดว่าตัวอย่างของร้านอาหารศรณ์ เชฟไอซ์ หรือหมูเด้ง มันก็ทำให้เห็นถึง Power Shift ของความไว้วางใจเลย แล้วสุดท้าย เราพยายามจะทำอย่างไรให้กรุงเทพฯเป็นที่น่าไว้วางใจ แต่จะสำเร็จหรือเปล่า ต้องให้คนอื่นเป็นคนบอกอีกทีหนึ่ง” นายชัชชาติชี้
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า เรื่องแรก คือ พื้นฐานของความไว้วางใจ ซึ่งคำว่า Trust ตามคำนิยามของ Oxford มันก็อธิบายได้อย่างง่ายๆ ว่า เชื่อว่าคนอื่นจะดี จะซื่อสัตย์ ไม่ทำร้ายเรา ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพราะฉะนั้นคนมาเที่ยวเมืองไทย ถ้าเขารู้สึกไม่ปลอดภัย เขาจะไม่มีทางมาเลย ซึ่งเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ถ้าเราไม่มีความไว้ใจ มันก็จะไม่มีทางเริ่มขึ้นได้เลย
“คำถามง่ายๆ เลยคือ คำว่า Is it Safe? มันปลอดภัยไหมที่จะมากรุงเทพฯ หรือมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ผมคิดว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเลย ที่เราต้องไว้ใจพ่อแม่ก่อนเลย ถ้าเจอคนแปลกหน้าเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ซึ่ง Trust ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีในระดับเมือง แต่มันเริ่มตั้งแต่ระดับโลก ประเทศ เมือง ธุรกิจ กิจกรรม และชุมชน คือ มันเริ่มจากเรื่องใหญ่ไล่มาจนถึงเล็กเลย ผมถึงบอกว่า มันเป็นเรื่องสำคัญมาก และคงต้องลงรายละเอียดว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วเราจะทำอย่างไรให้มันเข้มแข็งขึ้น” นายชัชชาติระบุ
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า บริษัท DELOITTE ทำงานทางด้าน CONSULTING เขาบอกว่า Trust มีผลต่อการสร้าง GDP ของประเทศเพิ่มขึ้นได้ เพราะมันช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องไฟแนนซ์ ได้คัดเรื่องคนที่มีคุณภาพเข้ามาลงทุน สร้างทรัพยากรบุคคล และมีความเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่จีดีพีที่ดีขึ้น
“งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า GDP กับ Trust ในประเทศมีความสัมพันธ์กัน ประเทศไหน ไม่มีความไว้วางใจ มีแต่ทุจริตคอร์รัปชั่น อันนี้ GDP ต่ำ แต่ถ้ามีความไว้วางใจกันงานไปเร็ว ต้นทุนต่ำลง ก็ทำให้ GDP เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งผมรู้สึกว่า Trust มันเหมือนแก้ว มันไม่ได้สร้างง่ายๆ แต่มันต้องใช้เวลา ถ้าจะบอกว่า สร้าง Trust ให้กับประเทศไทยใน 1 ปี มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ต้องค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ ทำอย่างละเอียด บนความพยายามหลายโครงการร่วมกัน แต่ถ้า Trust มันแตก มันแตกภายในวินาทีเลยนะ เวลามันพังมันแตกได้รวดเร็วมาก อันนี้ต้องเป็นสิ่งที่ต้องระวังเลย
แล้วบางทีคนที่ทำแตก กับคนที่ทำแก้วตอนเริ่มต้น อาจจะเป็นคนละคนกันนะ คือ คนที่สร้าง Trust เป็นคนหนึ่ง คนที่ทำ Trust แตกเนี่ยมันเป็นอีกคนนึง แต่ความซวยมันเกิดกับคนทั้งหมด อันนี้ก็ต้องระวังในระดับประเทศ ระดับเมือง เพราะถ้าในส่วนของบุคคล เราก็โอเครับผิดชอบตัวเราเอง สมมุติเราสร้าง Trust แล้วเราทำลาย Trust ตัวเราเอง แต่ระดับประเทศ เราต้องระวังเลย มันเป็นเรื่องสำคัญของผู้นำ คือ ต้อง Handle with Care ระวังแตก เพราะมันเป็นที่เปราะบาง มันไม่ได้ง่ายๆ นะ โดยเฉพาะในโลกปัจจุบัน” นายชัชชาติเผย
นายชัชชาติกล่าวต่ออีกว่า ยกตัวอย่าง กรุงเทพฯ เราเป็นเมืองที่มีคนมาเที่ยวมาก Most Visited Cities in the Word in 2024 ซึ่งมีปี 2023-2024 มีคนมาเที่ยวถึง 32.4 ล้านคน อันนี้ไม่ได้มาง่ายๆ คิดว่าเรื่องนี้เกิดจากความร่วมมือกันของคนเยอะมาก ทุกภาคส่วน ตั้งแต่โรงแรม ภาคการบริการ ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวต่างๆ ผลงานกว่า 10 ปี เขาถึงไว้ใจแล้วมาเที่ยวกรุงเทพฯกัน
“แต่เหตุการณ์เล็กๆ แต่บางทีมันก็เรื่องใหญ่เหมือนกัน เช่น ซิงซิง ดาราจีนหายตัวไป เนี่ยแค่เหตุการณ์เดียว มันทำให้เราเสียความไว้วางใจอย่างกะทันหันเลย เดือนที่ผ่านมายกเลิกจองโรงแรมกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ จาก Trust ที่สร้างมาเป็นหลาย 10 ปี แต่เหตุการณ์ที่ทำลาย Trust มันเกิดขึ้นได้ แล้วคนที่ทำลายไม่ใช่คนเดียวกันกับที่สร้างนะ คนที่ทำลายก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องสักเท่าไหร่เลย มันเป็นพวกทุจริตทั้งหลาย แต่ผลกระทบมันรุนแรงมาก อันนี้เป็นสิ่งสำคัญเลยว่า Trust เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วต้องดูแลด้วยความระมัดระวัง” นายชัชชาติชี้
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ความไว้วางใจกับความรัก อันไหนสำคัญกว่ากัน เช่น ถามว่าภรรยารัก กับภรรยาไว้ใจอันไหนดีกว่ากัน รัก มันก็รักอยู่แล้ว แต่ไว้ใจมันไปอีกขั้น หรือถามว่าลูกน้องรัก ที่เราให้โบนัสเยอะหรือไม่ค่อยดุลูกน้อง มันต่างจากความไว้ใจที่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำงานหนัก
“อะไรคือสิ่งพื้นฐานของความไว้วางใจ ผมว่าเหมือนเก้าอี้ 3 ขา ขาแรก คือ เรื่องความประพฤติตัวตน เหมือนว่าเราต้องเป็นคนที่น่าเชื่อถือ และมีความตั้งใจที่ดี ไม่เห็นแก่ตัว เห็นประโยชน์คนอื่น มันคือการมีคาแร็กเตอร์ที่ดี ขาที่สอง คือ เราต้องมีความเก่ง ถ้าไม่มีความเก่งงั้นก็เอามาบริหารกันได้หมดเลย แต่ว่ามันก็ต้องมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำ เช่น มติชนเชี่ยวชาญเรื่องมีเดีย หรือการสร้างความไว้วางใจ
แต่ก่อนผมคิดว่า มันมี 2 อันนี้พอนะ คือ เก่งกับดี แต่มันไม่พอ แต่ผมว่าตอนนี้ความเข้าใจ หรือ Understanding เป็นเรื่องที่มาแรงมาก มันต้องมีความเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือความรู้สึกที่เราเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งมันเป็น 3 องค์ประกอบในการสร้างความไว้วางใจ อันที่จริงแล้ว มันต้องเป็น ‘เก่ง+ดี+เข้าใจ’ มันถึงจะสร้าง Trust ได้ แต่ผมคิดว่าช่วงหลังอันหลังมันโดนครอบเยอะ จนทำให้กลายเป็นพวกเดียวกัน ใครพวกเรา เราไว้ใจ แต่ให้เก่งและดีแค่ไหน ไม่ใช่พวกเรา เราก็ไม่ไว้ใจ มันก็เป็นข้อเสียของอันหลังนะ แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็ต้องไปด้วยกันทั้ง เก่ง ดี และเข้าใจบริบทและความรู้สึกด้วย” นายชัชชาติระบุ
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ตนคิดว่ามันมีเหตุการณ์หนึ่ง ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราอาจจะไม่รู้สึกว่า มันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ คือ Pride Month ซึ่งตนได้เข้ามาเป็นผู้ว่าฯเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ต่อมาไม่กี่วันก็มีไพรด์ พาเหรด แล้วได้เข้าไปร่วมเลย ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งวันนั้นมีคนมาร่วมหมื่นคน ปีต่อมามีคนมาร่วมปีล่าสุด 2 แสนคน
“ผมว่ามันส่งสัญญาณว่าประเทศไทยเข้าใจและโอบกอดคนที่มีความหลากหลาย มีความแตกต่าง อันนี้เป็นสิ่งที่สร้าง Trust มหาศาลเลย หลายประเทศเลยที่เก่ง มีระเบียบวินัย มีประสิทธิภาพ แต่เขาอาจจะไม่ได้เปิดกว้างและไม่ได้เข้าใจความแตกต่างของคน ไม่มีพหุวัฒนธรรมเหมือนประเทศไทย ผมว่านี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
สมรสเท่าเทียม เป็นสิ่งหนี่งที่สร้างความมั่นใจให้ไทย เพราะว่าเราโอบกอดความแตกต่าง อาจจะไม่นึกถึงแต่ผมคิดว่าหลายจุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเชื่อมั่นว่าตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้าง Trust ให้เขา เพราะเขาอาจยอมที่จะรถติด มีขยะบ้างตามถนน แต่เขาอยู่ในพื้นที่ที่โอบกอดเขา เข้าใจเขา ผมว่ามันสร้างความมั่นใจมา ผมอยากฝากไว้ว่า ไม่ใช่เก่งและดีเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าความต้องการของคนคืออะไร” นายชัชชาติกล่าว