ชัชชาติ ยัน เปิดหมดบนออนไลน์ ‘โอเพ่นดาต้า’ ให้ช่วยกันเอ๊ะ! เซ่นทุจริตแล้ว 28 ราย

ชัชชาติ ยันเอาจริง! เซ่นทุจริตแล้ว 28 ราย – ลั่นกทม. ‘โอเพ่น ดาต้า’ เปิดหมดบนออนไลน์ ให้ประชาชนเอ๊ะ-ช่วยตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ Ballroom 1 ชั้น 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา ‘Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย‘ เพราะความเชื่อมั่นคือพลังสู่ ‘ความจริง’ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.

บรรยากาศตั้งแต่เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีบุคคลจากหลายแวดวงทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การเมือง ตลอดจนผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจเดินทางมาลงทะเบียนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษซึ่งจัดขึ้นตลอดทั้งวัน โดยไฮไลต์ในช่วงเช้าได้แก่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาร่วมปาฐกถาพิเศษ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในเวลา 09.45 – 10.15 น.

เวลา 15.10 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บรรยายพิเศษในหัวข้อ “เชื่อมั่นกรุงเทพฯ เมืองหลวงระดับโลก”

ADVERTISMENT

ในตอนหนึ่ง นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า พื้นฐานความเชื่อมั่น คือ Power Shift ซึ่งมันมีบริบทที่เปลี่ยนไป จากงานวิจัยของสถาบันหนึ่งเขาบอกว่า ความไว้ใจมันเปลี่ยน โดยในอดีตมันเป็นการผูกขาดด้วยแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ รีวิวร้านอาหาร หรือ รัฐบาลแถลง อันนี้คือโมเดลสมัยเก่าที่มีผู้มีอำนาจเป็นคนควบคุม แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว

ADVERTISMENT

“สถาบัน Edelman Trust เมื่อปีที่แลวทำเขาวิจัย ถามว่าเรื่อง Innovation คุณเชื่อใคร พบว่า 74% เชื่อนักวิทยาศาสตร์ แล้วอีก 74% เชื่อ Someone like me คือ เขาเชื่อคนพวกเดียวกัน คล้ายๆ กัน ส่วนอีกกลุ่มเขาเชื่อรัฐบาล แต่ผมว่ามีแนวโน้มลดลง แต่คนเชื่อคนที่คิดคล้ายกันมากขึ้น ผมคิดว่า Trust มันเปลี่ยนจาก Brand Age เป็น Product Age คือ คนจะไว้ใจเครือข่ายด้วยกัน เช่น เพื่อนเหมือนกัน คนคล้ายกัน คุณภาพสำคัญ มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ ‘ร้านศรณ์’ มันดังขึ้นมาได้ โดยไม่ได้โฆษณาเลย เพราะมันมาจากคุณภาพ มันมาจากการบอกปากต่อปาก ถึงเรื่องคุณภาพซึ่งกันและกัน

ผมว่า โซเชียลมีเดียทำลายการผูกขาดของ Trust ไม่มีแล้วต้องรอให้ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม คนถึงจะมากัน ตอนนี้เขาไปหาอินฟลูเอนเซอร์ คนฟังระบบราชการไม่มีแล้ว คนเขาไปฟัง NGOs ฟังเพื่อน ฟังนักกิจกรรม ซึ่งการสร้างแบรนด์ให้กับประเทศ ตนว่ามันน้อยแล้ว มันหมดสมัย มันใช้คนบอกปากต่อปากกัน มันไม่มีแล้วอำนาจรวมศูนย์ ไม่มีแล้ว มันกระจายอำนาจหมด ทำให้ข้อมูลมันกระจายมากขึ้น” นายชัชชาติชี้

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ถ้ารัฐบาลตอนนี้ตามตรงนี้ไม่ทัน ถ้าจะสร้างแบรนด์หรือทำแต่ประชาสัมพันธ์ ตนว่ามันยาก สุดท้ายหัวใจของมันคือการกระจายอำนาจ Trust มัน Decentralize มันก็คือบล็อกเชน หรือ บิตคอยน์ในระบบดิจิทัล ในอนาคตไม่มีแล้วแบงก์ชาติ ทุกอย่างจะ Decentralize หมด ไม่รู้ว่าใครมัน Decentralize ด้วยซ้ำ

“เมื่อเช้าผมมาทำงานตี 5 ครึ่ง มีคนต่อคิวร้านเจ๊ไฝแล้ว ถามว่า เขาเคยโฆษณาไหม ไม่เคยเลย แต่มันเป็นความไว้วางใจแบบปากต่อปาก ไม่ต้องสร้างแบรนด์ เพราะว่า Decentralize มัน Powerful มาก แล้วถ้าเกิดตามไม่ทันก็ยากที่จะอยู่ ผมว่ามติชนก็ตามทันนะ พอใช้ออนไลน์สื่อมาถึงดิจิทัล นั่นคือ การเปลี่ยนแลนด์สเคปของ Trust เลย” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า หากถามว่ากรุงเทพฯทำอะไร ตนคิดว่าเรื่อง Trusted Bangkok ก็สำคัญ เราคงไม่บอกว่า ‘ไว้ใจผมเถอะ’ อันนี้น่าสงสัยแล้ว เราจะไม่พูดเรื่องนี้ แต่เราจะพูดว่าเราทำอะไรบ้างก็แล้วกัน ส่วนเรื่องความไว้ใจ ไม่ไว้ใจ ให้คนเขาตัดสินใจเอง

“ที่บอกว่า Trusted Bangkok ไม่ได้หมายความว่าทำแค่โครงการเดียว ไม่ใช่ว่าคุณจะสร้าง GDP ประเทศ แล้วคนจะว่าไว้วางใจ ผมคิดว่ามันมีหลายองค์ประกอบมาด้วยกัน ซึ่ง Trusted Bangkok เรามีหลายๆ เรื่องที่สร้างความไว้วางใจ แต่ผมจะสรุปให้ฟังทำอะไรบ้าง แต่ก่อนอื่นมันก็ต้องเริ่มจาก Strategy ก่อน เพราะถ้าไม่มีกลยุทธ์ มันก็ไม่มีทางสร้าง Trust ได้

แล้วพอถามว่า Strategy ของประเทศ คืออะไร เราก็จะเห็นกลยุทธของการบินไทยชัดเจน ที่จะฟื้นฟูการบินไทย เพราะฉะนั้นกรุงเทพฯ เราก็ต้องการง่ายๆ แค่ต้องการเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โอบรับทุกคนให้เมืองมันน่าอยู่ แล้วก็มี 9 นโยบายหลักคือ ‘สิ่งแวดล้อมดี สุขภาพดี เดินทางดี ปลอดภัยดี บริหารจัดการดี สังคมดี เศรษฐกิจดี โปร่งใสดี เรียนดี’ ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ทำให้เกิด Trust” นายชัชชาติระบุ

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าสื่อต่างประเทศมาสัมภาษณ์ปัญหา PM 2.5 คืออะไร นักท่องเที่ยวเขากังวล ซึ่งถ้าเราไม่แก้ปัญหา คนเขาก็จะเชื่อมั่นน้อยลง หรือถ้าเกิดรถติด คนเขาก็ไม่อยากจะมากรุงเทพ รวมถึงหลอดไฟแสงสว่างต่างๆ ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งทุกอย่างคือสิ่งที่สะท้อนความไว้วางใจ อย่างที่บอกว่า ความไว้วางใจไม่ใช่โครงการเดียว แต่มันต้องเป็น 100 โครงการ ซึ่งเรามีนโยบาย 216 แผนที่ทำ ก็แตะทุกเรื่อง แล้วทั้งหมดนั้นก็คิดว่ามันจะประกอบร่างสร้างความไว้วางใจ

“ไม่ใช่ว่า จะมีแค่โปรเจ็กต์เดียว เป็นแชมป์เปียนโปรเจ็กต์ แต่มันต้องมาจากความพยายามของทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน เขต สำนัก ภาคเอกชนร่วมมือกัน แล้วก็มีแผนร้อยเรียงกันเป็นเรื่องราว แล้วประกอบกันสร้างเป็นความไว้วางใจ อันนี้ คือ สิ่งที่สำคัญ” นายชัชชาติเผย

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ตนคิดว่า เรื่องความไว้ใจ กับ ความโปร่งใส เป็นเรื่องที่มาด้วยกัน เพราะถ้าเกิดทุจริต มันไม่มีทางสร้างความไว้วางใจได้เลย ตนคิดว่าประเทศไทยก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ดูจากการจัดอันดับของ CPI 2024 เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ยอมรับก่อน มันก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ ซึ่งเรื่องความโปร่งใส เป็นสิ่งแรกที่เราต้องพูดตลอด เพราะถ้าเราไม่พูดกันตรงนี้ ใครจะกล้าเข้ามาลงทุน หรือ เรื่องใต้โต๊ะต่างๆ ต้องทำเรื่องนี้ก่อน

“กทม.เราก็พยายามทำเต็มที่ ผมว่าที่ผ่านมาเราก็จับน่าดูเหมือนกัน เราไล่ออกไป 28 แล้วนะ กับเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น คือ เราไม่มีอำนาจสอบสวนด้านอาญา ก็ต้องร่วมมือกับ ป.ป.ช. กับ สตง. ที่ผ่านมาก็เอาจริงเอาจัง จับหลายคนให้เป็นตัวอย่างเลย

อีกอันหนึ่งเราก็ใช้เทคโนโลยี คือ ใช้ Open data เพื่อให้ประชาชนช่วยกันเข้ามาดู ทั้งข้อมูล การให้บริการ สัญญา นโยบาย นวัตกรรมต่างๆ เข้าสู่สาธารณะให้เห็นกันทั้งหมด ผมเข้ามาเป็นผู้ว่าฯได้เดือนหนึ่งก็ออกเป็นคำสั่ง ให้หน่วยงานทั้งหมดเปิดเผยข้อมูลดิจิทัล ให้อ่านได้ ที่ประชาชนเข้าถึงได้” นายชัชชาติระบุ

นายชัชชาติกล่าวว่า ยกตัวอย่างเรื่อง โอเพ่น บัตเจ็ต แต่ละส่วน เปิดให้ประชาชนเข้ามาดูเลยว่า มันเป็นอย่างไร ที่เห็นทุจริตเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ที่มีคนสงสัย หรือ เรื่องป้ายรถเมล์ ก็มาจากโอเพ่น บัตเจ็ต ที่เราเปิดให้คนดู แล้วยิ่งคนมาดูเราก็จะได้ช่วยกันปรับปรุงให้มันดีขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image