31คลินิกชุมชนอบอุ่น กทม. ถก สปสช.เสนอทางออกเพิ่มสภาพคล่อง งบเหมาจ่ายผู้ป่วยนอก
วันนี้ (5 มีนาคม 2568) นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. และ พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้เชิญผู้ประกอบการคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่งเป็นคลินิกเอกชนที่ร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 31 แห่ง ที่ได้รับงบเหมาจ่ายรายหัวในงวดที่ผ่านมา 10 บาท และ ไม่เกิน 20 บาท มาร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการจัดสรรงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยนอก ภายหลังจากที่พบว่า มีคลินิกเอกชนฯ หลายแห่งขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นผลจากค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการรับผิดชอบจ่ายเอง กรณีส่งต่อ 800 บาท และกรณีเหตุสมควรจำเป็นในเครือข่ายฯ 200 บาทที่ สปสช. มีการคาดประมาณไว้ สูงกว่าเงินที่ สปสช.มีการกันไว้สำหรับชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าว ทำให้ต้องมีการหักงบเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มเติม
“เบื้องต้นทางคลินิกเอกชนฯ ได้มีข้อเสนอต่อ สปสช. ขอให้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับคลินิกชุมชนอบอุ่น คือในรอบการโอนจ่ายงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยนอกในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ขอให้ สปสช. จ่ายที่อัตรา 40 บาทต่อประชากรก่อน โดยชะลอภาระค่าใช้จ่ายไว้ก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้คลินิกชุมชนอบอุ่นได้มีเงินหมุนเวียนในระบบเพื่อสามารถจัดบริการได้” นพ.วีระพันธ์ กล่าว
รองเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า คลินิกชุมชนอบอุ่น ยังมีข้อเสนอขอให้ สปสช. ไม่หักเงินชำระหนี้ข้ามกองทุน ให้มีการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายของโรงพยาบาล จากงบผู้ป่วยนอกกรณีส่งต่อตามหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และขอให้ สปสช. หารือกับศูนย์บริการสาธารณสุขในการเปิดรับประชากรเพิ่ม เนื่องจากมีคลินิกฯ บางแห่งขอพักการลงทะเบียนสิทธิผู้ป่วย ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562 และการลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งนี้ จากข้อร้องเรียนเรื่องการส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาล สปสช.ขอให้คลินิกส่งต่อผู้ป่วยตามศักยภาพของคลินิกและความจำเป็นของผู้ป่วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและผู้ป่วยได้รับบริการที่เป็นไปตามมาตรฐาน
“สปสช. ได้เชิญคลินิกชุมชนอบอุ่นมาหารือร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพพื้นที่เขต 13 กรุงเทพมหานคร ที่ให้มีการบริหารจัดการกองทุนให้รายรับและรายจ่ายของหน่วยบริการสมดุลกัน อีกทั้ง ให้มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับคลินิกชุมชนอบอุ่นถึงแม้รายรับส่วนใหญ่มาจากงบผู้ป่วยนอกเหมาจ่ายรายหัว แต่ยังมีรายรับจากบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งคลินิกฯ ต้องจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคมากขึ้น อีกทั้งเป็นเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนด้วย อย่างไรก็ดี ข้อเสนอที่คลินิกชุมชนอบอุ่นนำเสนอมานี้ สปสช. จะได้นำไปพิจารณาในแนวทางดำเนินการต่อไป” นพ.วีระพันธ์ กล่าว