ผู้ประกันตน ม.33 อายุ55 รับบำเหน็จ แต่อยากใช้รพ.เอกชนเดิม จ่ายม.39ต่ออีก15ปี คิดบำนาญได้เดือนละ700

ผู้ประกันตนวัยเกษียณ ร่วมทวงสิทธิจาก ‘ประกันสังคม’ ให้คนรุ่นหลัง

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 11 มีนาคม ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม กลุ่มประชาชนที่เดินทางมาข้อสังเกตการณ์ การประชุมของคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) ชุดที่ 14 ซึ่งได้ปักหลักรออยู่บริเวณด้านล่างอาคาร ซึ่งมีตัวแทนประชาชนมาจากหลายกลุ่ม เช่น เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและความเป็นธรรม (WE FAIR) สหภาพคนทำงาน กลุ่มประชาชนผู้สนับสนุนพรรคประชาชน บัตรประชาชนผู้ที่สนใจข่าวสาร เป็นต้น

น.ส.ประพิมพรรณ สุดชูเกียรติ อายุ 70 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 39 กล่าวว่า เดิมเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาโดยตลอดจนอายุครบ 55 ปี จึงออกจากการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยได้รับเงินบำเหน็จมาก้อนหนึ่ง จากนั้นรู้สึกว่ายังอยากได้การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนที่เคยมีสิทธิตอนเป็นผู้ประกันตนอยู่ จึงตัดสินใจเข้าสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ต่อ และส่งเงินสมทบมาจนถึงปัจจุบันอายุ 70 ปี เท่ากับเป็นเวลา 15 ปีที่ตนเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 39 อย่างไรก็ตาม การเป็นผู้ป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคมในโรงพยาบาลเอกชนที่ตนมีสิทธิอยู่นั้น การรักษาไม่ได้ดีไปกว่าผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทอง ยังต้องรอพบแพทย์นานเพราะว่าโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวรับสิทธิผู้ประกันตนจำนวนมากทำให้มีผู้เข้าไปใช้บริการถึงวันละ 1,300 รายต่อวัน ในขณะที่มีแพทย์ดูแลเพียง 2-3 คน ทำให้แพทย์ไม่ค่อยได้ดูประวัติของผู้ป่วยมากนัก ดังนั้น แม้ว่าสิทธิประกันสังคมจะมีข้อดีคือมีโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็มีข้อเสียเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นด้วย

“ตอนนี้พอเกิดกระแสข่าวขึ้น ก็เริ่มคิดว่าจะออกจากประกันสังคมดีหรือไม่ ได้ลองติดต่อไปถามที่สำนักงานประกันสังคม ว่าถ้าออกจากการเป็นผู้ประกันตน จะได้รับเงินบำนาญกี่บาท ซึ่งคำนวณมาแล้วจะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 700 บาท ต้องใช้เวลาประมาณ 8 ปีขึ้นไป ถึงจะเริ่มได้กำไรเมื่อเทียบจากที่ได้ส่งมาตลอดเวลา 15 ปี ซึ่งถือว่า 700 บาทต่อเดือนเป็นตัวเลขที่น้อยมาก ก็เลยอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะออกจากการเป็นผู้ประกันตนแล้วไปใช้สิทธิรักษาสุขภาพด้วยบัตรทอง เพราะตัวเองไม่มีทายาท ไม่มีผู้รับเงินสวัสดิการหลังจากที่เสียชีวิตแล้ว ดังนั้นการเป็นผู้ประกันตนก็อาจจะไม่มีประโยชน์แล้ว” น.ส.ประพิมพรรณกล่าว

ADVERTISMENT

น.ส.ประพิมพรรณกล่าวต่อว่า วันนี้ที่ตนได้มาร่วมกับกลุ่มผู้ที่สนใจข่าวเกี่ยวกับประกันสังคม ก็ได้คุยกัน พบว่าประเด็นแรกที่อยากให้เกิดการแก้ไขคือ การให้ประกันสังคมออกจากระบบราชการนั้น ซึ่งเราเห็นไปในทางเดียวกันว่าการที่ประกันสังคมอยู่ในระบบราชการก็จะถูกครอบงำด้วยการเมือง ตอนนี้มีการเปิดโปงข้อมูลที่ระบบราชการได้โกงกินงบประกันสังคม ที่เป็นกองทุนใหญ่ระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการไปดูงานต่างประเทศ การนั่งเครื่องบินชั้นหนึ่ง การนำเงินไปซื้อตึกที่มีราคาสูง หรือการนำไปลงทุนที่ไม่เกิดดอกผล เป็นต้น ดังนั้นหากมีการออกจากระบบราชการ แล้วให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้แทนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง แล้วฝ่ายราชการ เพื่อให้เกิดการค้านอำนาจกัน ก็จะทำให้การทุจริตโกงกินเกิดขึ้นได้ยากขึ้น ส่งเสริมให้มีการทำงานอย่างโปร่งใส ให้ผู้ประกันตนทุกคนมีส่วนร่วม

“เราเป็นแค่ประชาชนมีเสียงเล็กๆ ที่เป็นคนเกษียณแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่ เพราะประกันสังคมก็อยู่มาถึง 34 ปีแล้ว แต่สิ่งที่เราอยากจะมาร่วมออกเสียงวันนี้ ก็เพื่อคนรุ่นหลัง ที่ยังอยู่ในระบบประกันสังคม ให้เขาได้รับสวัสดิการ ให้ได้รับการดูแลจากประกันสังคม” น.ส.ประพิมพรรณกล่าว

ADVERTISMENT

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image