สธ.-สปสช. จับเข่าคุย 2 ‘คลินิกชุมชนอบอุ่น’ ไม่ออกใบส่งตัว ยันพร้อมเติมงบตามภาระโรค

สธ.-สปสช. จับเข่าคุย 2 ‘คลินิกชุมชนอบอุ่น’ ไม่ออกใบส่งตัว ยันพร้อมเติมงบตามภาระโรค

วันนี้ (21 มีนาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย น.ส.อมาวศรี เปาอินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่ม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร (สปสช.เขต 13 กทม.) และเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สธ. พร้อมด้วยอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพพื้นที่ (อปสข.) เขต 13 กทม. และอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขระดับเขตพื้นที่ (อคม.) เขต 13 กทม. รวมถึงคณะเจ้าหน้าที่จาก สธ. และ สปสช. ร่วมกันลงพื้นที่คลินิกเวชกรรมอัมรินทร์ และคลินิกพรหมธาดาคลินิกเวชกรรม (สาขาบึงกุ่ม) แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

ซึ่งเป็นคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) จากจำนวนทั้งหมด 20 แห่ง ในกรุงเทพฯ ที่ถูกร้องเรียนจากประชาชนสิทธิบัตรทอง ว่าคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น มีข้อจำกัดในการออกใบส่งตัวของผู้ป่วยกรณีที่ต้องการไปรับการรักษาต่อยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพกว่าในพื้นที่ และทำให้ผู้ป่วยที่ต้องการใบส่งตัวไม่ได้รับความสะดวก

นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อร่วมกันรับฟังปัญหา พร้อมกับหารือถึงแนวทางการแก้ไข โดยมีผู้บริหารคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นทั้ง 2 แห่ง และผู้บริหารโรงพยาบาล (รพ.) นพรัตน์ราชธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายที่รับส่งต่อผู้ป่วยจากทั้ง 2 คลินิก ร่วมกันลงพื้นที่ และให้ข้อมูลพร้อมกับปรึกษาหารือร่วมกัน

ADVERTISMENT

 

โดยจุดแรก คณะฯ ได้เดินทางไปยังคลินิกเวชกรรมอัมรินทร์ มี นายธนวัฒน์ โชติวิทยาพงศ์ เจ้าของคลินิกให้ข้อมูลว่า ทางคลินิกฯ มีความตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะดูแลสุขภาพของประชาชนสิทธิบัตรทองอย่างเต็มที่ เพราะผู้ป่วยเกือบทั้งหมด หรือคิดเป็นร้อยละ 95 ก็เป็นผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ แต่สาเหตุที่คลินิกฯ ปฏิเสธออกใบส่งตัวให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ย้ายสิทธิมาจากหน่วยบริการอื่น ซึ่งเป็นหน่วยบริการที่ไม่ออกใบส่งตัวให้กับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยเลือกย้ายสิทธิมาที่คลินิกเวชกรรมอัมรินทร์ และขอขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการประจำ อีกทั้งผู้ป่วยยังต้องการให้ออกใบส่งตัวทันทีอีกด้วย ทั้งที่โรค หรืออาการ คลินิกฯ สามารถรักษาได้

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 มีผู้ป่วยย้ายสิทธิมาประมาณ 900 คน และเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ประมาณ 166 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีร้อยละ 10 ที่จำเป็นต้องมีใบส่งตัว คลินิกฯ ก็ดำเนินการให้ แต่ก็มีอีกส่วนที่ปฏิเสธ เนื่องจากสามารถรักษาที่คลินิกฯ ได้ แต่ยอมรับว่าคลินิกฯ มีความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการ เนื่องจากจำนวนการส่งต่อผู้ป่วยที่มากขึ้นทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง โดยเฉพาะในกรณีที่คลินิกฯ จะต้องตามจ่ายชดเชยในการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษา จึงเลือกที่จะออกใบส่งตัวกรณีผู้ป่วยที่ลงทะเบียนกับคลินิกฯ รายใหม่ กับผู้ป่วยที่คลินิกฯ สามารถทำการรักษาได้เท่านั้น แต่ในส่วนผู้ป่วยเดิมที่ขึ้นทะเบียนกับคลินิกเป็นหน่วยบริการประจำอยู่แล้ว และที่ต้องใช้ใบส่งตัวเพื่อไปรักษา ทางคลินิกก็ดำเนินการออกใบส่งตัวให้ทุกราย และไม่เคยปฏิเสธ

“อย่างไรก็ตาม อยากให้เครือข่าย หรือกลุ่มเจ้าของผู้ประกอบการคลินิกเวชกรรมในพื้นที่ หรือในกรุงเทพฯ ได้หารือร่วมกัน และขอร้องให้ทำหน้าที่ออกใบส่งตัวให้กับผู้ป่วยที่ได้ขึ้นทะเบียนกับคลินิกเป็นหน่วยบริการประจำ เพราะหากไม่ออกใบส่งตัวให้ ก็จะเกิดเหตุผู้ป่วยย้ายสิทธิไปยังคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นอื่นๆ และทำให้ภาระการออกใบส่งตัว และการตามจ่ายชดเชยไปเป็นภาระกับคลินิกนั้นๆ” นายกองตรี ธนกฤต กล่าว

นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า จุดต่อมา คลินิกพรหมธาดาคลินิกเวชกรรม (สาขาบึงกุ่ม) พ.ต.อ.ณพัศ เนติวรรธนะ เจ้าของคลินิก ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่คลินิกฯ ได้ปฏิเสธการออกใบส่งตัวผู้ป่วย ซึ่งมีจำนวนประมาณ 170 คน ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่เคยไปรับบริการยังโรงพยาบาลเป็นประจำ แต่คลินิกฯ ได้ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่า เป็นโรคหรืออาการที่สามารถรับการดูแลรักษาที่คลินิกได้ จึงขอปฏิเสธการออกใบส่งตัวให้ และผู้ป่วยก็เข้าใจอย่างดี แต่จะมีบ้างที่ไม่ได้รับความสะดวกเหมือนเดิมจึงนำไปสู่การร้องเรียน อย่างไรก็ตาม คลินิกฯ ได้ให้คำแนะนำ และอธิบายเกี่ยวกับการออกใบส่งตัวของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยืนยันว่า หากเป็นโรค หรืออาการที่เกินกว่าศักยภาพของคลินิกฯ จะรักษาได้ ก็จะส่งตัวผู้ป่วยทุกครั้ง เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการติดตามเป็นประจำ ที่จะออกใบส่งตัวให้ แต่ในส่วนโรคอื่นๆ เช่น โรคอายุรกรรม ที่คลินิกฯ มีศักยภาพ และมียาประจำไว้คอยบริการก็จะขอรักษาผู้ป่วยเอง

“ประชาชนได้ร้องเรียนกรณีคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น ไม่ออกใบส่งตัวให้กับผู้ป่วยจำนวน 20 แห่ง ในกรุงเทพฯ จึงมอบหมายให้กองกฎหมาย สบส. และ สปสช. ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบและรับฟังปัญหา พร้อมกับสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ไม่ได้ออกใบส่งตัวเกิดจากเรื่องอะไร ซึ่งทำให้ทราบว่า กรณีผู้ป่วยที่มาขึ้นทะเบียนใหม่กับคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น และต้องการใบส่งตัวเพื่อไปรับบริการที่โรงพยาบาลทันที และทำให้คลินิกฯ มีภาระในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตามจ่ายค่ารักษา และเกิดเป็นปัญหาสะสมเพราะมีผู้ป่วยต้องการขอใบส่งตัวจำนวนมาก” นายกองตรี ธนกฤต กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอให้คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นต่างๆ ในกรุงเทพฯ ให้ความร่วมมือในการส่งต่อผู้ป่วยกรณีที่ไม่มีศักยภาพมากพอจะรักษาได้ โดยเฉพาะประชาชน หรือผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ที่อาจมีภูมิลำเนา และมีสิทธิอยู่ที่หน่วยบริการประจำในต่างจังหวัด แต่เมื่อย้ายเข้ากรุงเทพฯ และผู้ป่วยมีสิทธิจะย้ายสิทธิการขึ้นทะเบียน และหากผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง ก็ขอให้คลินิกที่รับขึ้นทะเบียนผู้ป่วยบัตรทองได้ออกใบส่งตัว เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วยโดยตรง แต่ในประเด็นที่ได้นำเสนอถึงปัญหา และรวมถึงข้อมูล และสาเหตุจากการไม่ส่งตัว และผลกระทบจากการให้บริการนั้น สธ. และ สปสช. จะนำข้อมูลไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น โดยเป้าหมายสำคัญคือเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

ขณะที่ น.ส.อมาวศรี กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่า คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นทั้ง 2 แห่ง มีมาตรฐานการให้บริการที่ดี แต่ประเด็นการไม่ออกใบส่งตัวในระยะหลัง เกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิทธิในการรักษาพยาบาล และได้อธิบายกับทางคลินิกซึ่งยินดีที่จะปรับปรุงและแก้ไข ขณะที่ ประชาชนก็เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้สิทธิในการเข้าถึงบริการ

“ในส่วนงบประมาณที่คลินิกมีความกังวลนั้น สปสช.ได้ปรับปรุงการจ่ายชดเชยสำหรับคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นในกรุงเทพฯ ที่จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมโดยจ่ายตามภาระโรค หากคลินิกฯ หรือหน่วยบริการใดในกรุงเทพฯ ที่ให้บริการผู้ป่วยจำนวนมาก ก็จะได้งบประมาณเหมาจ่ายรายหัวในส่วนการดูแลผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นตามภาระงาน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คลินิกฯ มีงบประมาณเพิ่มขึ้น และไม่มีการผลักผู้ป่วยที่ต้องการใบส่งตัวไปมาระหว่างคลินิกด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวทางการจัดการที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนสิทธิบัตรทอง ที่ สปสช. มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยได้รับบริการปฐมภูมิที่อยู่ใกล้บ้านใกล้ใจ เดินทางสะดวก ไม่เป็นภาระค่าใช้จ่าย และมีคุณภาพมาตรฐานในการให้บริการให้มากที่สุด” น.ส.อมาวศรี กล่าวและว่า คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น ในกรุงเทพฯ มี 249 แห่ง มีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำทุกแห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการหารือร่วมกัน ผู้บริหารคลินิกฯ ทั้ง 2 แห่ง ยืนยันว่าจะออกใบส่งตัวให้กับผู้ป่วย และขอบคุณที่ สธ. และ สปสช. ให้ความสำคัญในการรับฟังปัญหา และพร้อมจะปรับปรุงแก้ไข นอกจากนี้ ในส่วนประเด็นที่ สปสช.จะเพิ่มเติมงบเพื่อเบิกจ่ายให้กับคลินิกฯ ที่มีผู้ป่วยมาก หรือเพิ่มเติมตามภาระโรค ซึ่งจะทำให้คลินิกฯ มีความมั่นใจในการให้บริการมากขึ้นด้วย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image