เพจหมอดัง เล่านาทีตัดสินใจวิ่งกลับเข้าตึก พุ่งขึ้นชั้น 5 ช่วยทำคลอดขณะแผ่นดินไหว
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ต.ท.นพ.ภาคภูมิ เตชะขะวนิชกุล หน่วยมะเร็งนรีเวช กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม รพ.ตำรวจ คณะกรรมการสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พบหมอเต้ แบ่งปันเรื่องราวทำคลอดทารกขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว ระบุใจความดังนี้
“เมื่อแผ่นดินไหว ”
…มันน่ากลัวดีครับ ใจสั่นไปหมดเลย ตึกหยุดสั่นแล้ว มือกับใจยังสั่นอยู่เลย เพราะไม่เคยเจอมาก่อน เลยอยากจะขอเล่าผ่านตัวอักษรครับ
ประมาณบ่ายโมง ผมกำลังอยู่ในห้องประชุม ขณะที่แพทย์ประจำบ้าน ผู้ซึ่งผมเป็นที่ปรึกษา เธอกำลังนำเสนอ ผลงานโครงร่างวิจัยอย่างเข้มข้นอยู่นั้น ก็มีเสียง “ปั้ง ปั้ง ปั้ง” สักสามถึงสี่ครั้ง ออกจากเพดานห้องประชุม ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกเวียนศีรษะ มีความรู้สึกโครงเครง จึงลุกขึ้นยืน พบว่ายืนแล้วเซเล็กน้อย
พร้อมกันนั้น มีรุ่นพี่รีบเดินออกมาจากห้องด้านในถัดไปอีกห้องหนึ่ง พร้อมตะโกนว่า… “แผ่นดินไหว รีบออกจากตึก” … ขณะนั้น ผมและทุกคนในห้องประชุมพยายามรีบเอาตัวออกจากตึกให้เร็วที่สุด โดยรีบเดินไปที่บันไดหนีไฟ ที่เราเดินกันอยู่ทุกวี่วัน แต่วันนี้นั้นมันไม่เหมือนเดิม ผู้คนพยายามวิ่งบ้าง เดินเร็วบ้าง เกาะราวบันไดบ้าง บ้างก็ช่วยกันพยุงลงจากบันไดกันอย่างเร็วที่สุด เท่าที่ตัวเองจะขยับตัวไหว
ผมลงมาถึงชั้นล่างสุด และออกจากตึกมาได้ อาจารย์รุ่นพี่ท่านหนึ่ง ดึงแขนผมและพูดว่า “ออกไปให้ห่างจากตัวตึกนะเต้” ผมจึงรีบเดินไปให้อยู่ในที่โล่งที่สุดและไกลจากตึกที่สุด
… เดินไปเกือบๆจะถึงทางเลี้ยวออกหน้าโรงพยาบาลก็ มีโทรศัพท์เข้ามา ปลายสายเป็นอาจารย์วิสัญญีที่เคารพรักขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ ว่ามีสายเรียกเข้า ผมรับสาย เสียงปลายสายนั้น เป็นเสียงชายหนุ่มทุ้มๆ ซึ่งผมเพิ่งจะพูดคุยด้วย หลังจากผ่าตัดเสร็จไปในช่วงเช้า
เสียงในสายพูดว่า “อาจารย์เต้ ออกไปจากโรงพยาบาลแล้วหรือยังครับ รบกวนขึ้นมาช่วย ผ่าตัดคลอดที่ชั้น 5 ได้ไหมครับจะได้เสร็จไว เพราะตอนนี้ แพทย์ประจำบ้านกำลังผ่าตัดอยู่” ในใจก็คิดว่าเอาไงดี ภาพในหัวที่ปรากฎขึ้นคือ ภาพในข่าว ที่คนติดอยู่ภายใต้ซากตึกที่ถล่มลงมา แต่ก็คิดต่อไปอีกว่า “เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
ผมจึงหยุดเดินและวิ่งสวนทางกลับ วิ่งไปคิดว่าเร็วกว่าตอนลงมาเสียอีก วิ่งกลับเข้าตึก ชั้น 1 เริ่มไม่มีคนแล้ว พอไปถึงบันไดหนีไฟ ผู้คน เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย ก็กำลังทะยอยออกมาจากตึก มีเสียงพูดจากผู้คนที่ผมวิ่งสวนทางไปว่า “อาจารย์เต้ไปไหน” “อาจารย์เต้ไปทางนี้” “ลงครับ ออกด้านนี้”
พอผมขึ้นไปถึงชั้น 5 ตอนนั้น ด้านนอกห้องผ่าตัดไม่มีคนแล้ว ผมวิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด หยิบเสื้อคลุม และเดินเข้าไปยังห้องผ่าตัดห้องที่ 4 พบว่าแพทย์ประจำบ้านกำลังผ่าตัดเพื่อทำคลอดทารกอยู่ คุณพยาบาลที่รักท่านหนึ่ง เดินมาแล้วพูดว่า “เข้าเคสเลยนะคะ” ผมพยักหน้า แล้วเข้าเคสไปช่วยผ่าตัด ขณะผ่าตัดนั้น ก็ยังมีความโครงเครง และตึกยังโยกอยู่บ้างเบาๆ
การผ่าตัดราบรื่นดี มารดาและทารกปลอดภัย หลังจากผ่าตัดเสร็จในไม่นาน เราก็วิ่งอีกรอบเพื่อลงจากตึก
เมื่อวิ่งแบบช้าๆลงมาตรงบันไดหนีไฟทางเดิม พบว่า มี ผู้ป่วยที่ผมเพิ่งผ่าตัดมดลูกให้กับเธอไปเมื่อเช้า นั่งอยู่ตรงทางเชื่อมชั้น 4 เพราะญาติๆของเธอได้พยายามอุ้มเธอลงมาแต่ เพราะหลายชั้นจึงหยุดพัก
ผมผู้ซึ่ง adrenaline หลั่งพุ่งพล่านมาก จึงขออาสาแบกเธอขึ้นหลัง และพาเธอลงมาได้อย่างปลอดภัย แล้วเราก็มาดูแลกันต่อด้านนอก โชคดีว่า after shock ไม่รุนแรง และความร่วมมือร่วมใจของคนในโรงพยาบาล มีให้กันอย่างมากมาย เราจึงผ่านเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนก ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในเมืองไทยครั้งนี้มาได้