ชัชชาติ ยันไม่มีเดดไลน์ หยุดช่วยเหยื่อตึกสตง.ถล่ม เผย 14 ร่างใต้ซากยังนำออกมาไม่ได้

‘ชัชชาติ’ อัปเดตใช้เครื่องมือหนักเข้ายกปูนไปแล้ว 100 ตัน สลับการทำงานร่วมกับทีมช่วยชีวิต-ส่วน 14 ร่าง ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ยันไม่มีเดดไลน์ หยุดช่วยเหยื่อตึกสตง.ถล่ม

เมื่อเวลา 16.15 น. วันทึ่ 2 เมษายน ที่ที่บริเวณกองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้า JJ mall นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร และนายภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เเห่งใหม่ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา

นายชัชชาติกล่าวว่า วันนี้เข้าสู่วันที่ 5 หลังจากเกิดเหตุการณ์ โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่มีการยกชิ้นส่วนออกประมาณกว่า 100 ตันออกไปประมาณ 10 ชิ้น เพื่อเปิดช่องว่างให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปดูด้านในโดยมีการเข้าไปค้นหาทั้งคืนจนพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ร่าง ออกมาได้ช่วงเช้าของวันนี้ และมีร่างที่ยังไม่สามารถนำออกมาได้อีกประมาณ 14 ร่าง ทั้งได้กลิ่น แต่อุปสรรคคือสิ่งกีดขวางด้านใน ทำให้ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ ซึ่งตอนนี้จึงเริ่มมีการปรับแผนนำเครื่องจักรหนักเข้ามาช่วย เป้าหมายคือพยายามจะไปถึงปล่องลิฟต์ และทางหนีไฟให้ได้ ของตัวอาคารนอกจากนี้ ยังใช้วิธีการมาร์คจุดว่ามีจุดไหนบ้างพบผู้เสียชีวิตเป็นใคร

ADVERTISMENT

โดยสถานการณ์ตอนนี้ จะเป็นการทำควบคู่กันไประหว่างปฏิบัติการช่วยเหลือและการรื้อถอน ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนแผนไปตามหน้างาน ซึ่งเมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ได้ใช้การช่วยเหลือสลับกับรื้อถอนที่โซน B และ C ด้านหลัง ส่วนวันนี้ เป็นโซน A, C และ D

นายชัชชาติ ยังยืนยันว่า ทำงานเต็มที่ และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่าเหตุการณ์ที่เมียนมา พบผู้รอดชีวิต ดังนั้นในระยะเวลาหลังเกิดเท่ากัน ถ้าของเขาพบ ของเราก็ยังมีโอกาส แม้จะน้อยลง แต่ต้องพูดความจริง ไม่โกหกตัวเอง โดยจะทำในทุกมิติที่ทำได้ตามหลักสากล

ADVERTISMENT

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมถึงไม่ใช้วิธีการยกเศษซากอาคารจากด้านบนลงมา เป็นเพราะการรื้อเศษซากจากด้านล่างจะทำได้ไวกว่า เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เครื่องจักรหนักขนาดใหญ่และกำลังมากพอ ที่จะไปเริ่มรื้อถอนจากด้านบนที่อยู่สูง

ทั้งนี้ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติยังบอกว่า เคสนี้ซับซ้อนที่สุดที่เคยเจอ เพราะเป็นอาคารสูงและมีผู้ติดค้างอยู่มากพอสมควร แต่ก็ไม่ย่อท้อ จะทำตามแผนต่อไป อาจไม่ถูกใจบางคนต้องขอโทษด้วย แต่ทั้งหมดคือการไตร่ตรองร่วมกันของทุกทีมแล้ว โดยมีต่างชาติเป็นผู้แนะนำ และมีทีมไทยเป็นผู้ตัดสินใจ

นอกจากนี้ ยังได้มีการใช้ทีมจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติผู้สูญหาย เพราะญาติก็มีอาการตกใจเมื่อเห็นว่านำเครื่องจักรหนักเข้าไป ก็ต้องทำความเข้าใจกับญาติว่า ยังไม่ได้หยุดค้นหาแต่เป็นการเร่งเปิดทางให้เร็วขึ้น ยืนยันไม่มีเดดไลน์ในการหยุดช่วยเหลือ แต่จะค่อยๆ เพิ่มการรื้อถอนให้มากขึ้นตามหน้างาน และจะค้นหาจนเจอจนครบ

สำหรับประเด็นดราม่า ที่เจ้าหน้าที่รถเครนที่มารอเข้าช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้ทำงานนั้น จากที่ตนเข้าไปสอบถามแต่ละหน่วยงาน ยังไม่มีใครพูดอะไรเรื่องนี้ แต่เข้าใจเจ้าของรถเครนดังกล่าว ยังไม่เข้าใจแผนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนมากจะใช้รถเครนขนาดใหญ่ไม่กี่คันในการทำงาน

กรณีที่ นายชาติชาย ไทกล้า ที่ปรึกษาคณะกรรมการการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติและผู้อำนวยการสถาบันฝึกดับเพลิงและกู้ภัยชั้นสูง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทีมปฏิบัติการว่า ทำงานล่าช้า ถ่วงเวลาให้โอกาสรอดชีวิตน้อยลง นายชัชชาติกล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ยังไม่เร่งขุดหรือเจาะปูนออก ผู้สั่งการแต่ละทีม มีการปรับแผนตามสภาพหน้างาน เพื่อให้เข้าการทำงานของทีมกู้ภัยทั้งไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม หากปฏิบัติการนี้แล้วเสร็จ หลังจากนี้อาจจะมีการเชิญเข้ามาพูดคุยหารือกันถึงแนวทางการทำงานในอนาคตต่อไป

ส่วนการตรวจสภาพตึกภายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้ทีมงานวิศวกรของกรมโยธาธิการและผังเมือง และวิศวอาสา ซึ่งได้ทำการเร่งตรวจสอบจากผู้ร้องผ่าน Traffy Fondue ซึ่งเป็นตึกทั้งหมด 9 ประเภท มีผู้ร้องกว่า 12,000 ราย โดยตอนนี้กำลังเร่งติดตามผลการตรวจสอบภายใน 2 สัปดาห์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image