รองโฆษก สธ.เผย สปสช.ปรับแผนซื้อวัคซีน ‘ไข้หวัดใหญ่’ เพิ่ม ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง6ล้านคน
วันนี้ (4 เมษายน 2568) นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ เปิดเผยว่า จากดำริของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) อนุมัติให้ สปสช.เสนอการปรับแผนการจัดหายาฯปีงบประมาณ 2568 เนื่องจากสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
โดยแนวโน้มผู้ป่วยรายสัปดาห์ในปีนี้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ในช่วงระยะเวลาเดียวกันประมาณ 1.6 เท่า และสูงกว่าค่ามัธยฐานทางย้อนหลัง 5 ปี เพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต สปสช.ได้ขอเสนอปรับแผนจัดซื้อวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น 1,430,000 โดส รวมเป็น 6,000,000 โดส ซึ่งจะครอบคลุมในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงราว 6 ล้านคน ในระบบสิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ โดยใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 104 ล้านบาท และอยู่ในขั้นตอนขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดซื้อแล้ว
นายจิรพงษ์ กล่าวอีกว่า รวมถึงการขอปรับสูตรยาผู้ป่วยติดเชื้อ HIV เพื่อเพิ่มประสิทธิผลกับการรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะการลดปัญหาผลข้างเคียงที่น้อยกว่าในเรื่องไต จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้ขอเพิ่มงบประมาณอีก 15,281,200 บาท สำหรับยาต้าน HIV สูตรใหม่ โดยการปรับแผนการจัดหายาในปีงบประมาณฯ ใช้งบเพิ่มขึ้น 148 ล้านบาท ซึ่งในภาพรวมไม่ส่งผลกระทบต่องบ เนื่องจากการบริหารงานที่โปร่งใสและมีธรรมาภิบาลในการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ไปแล้วมากกว่าร้อยละ 60 มีเงินเหลือจ่ายประหยัดได้ถึง 273 ล้านบาท
“ส่วนกรณีข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึง นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในการร้องขอให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น ในฐานะคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่เขต 13 กรุงเทพมหานคร และ นายชัชชาติก็เป็นคณะอนุกรรมการฯอยู่ด้วย คงทราบดีอยู่แล้วว่า มีการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับกลุ่มเสี่ยงผู้ใช้สิทธิบัตรทองของ สปสช. อยู่แล้ว และในส่วนของประกันสังคม ผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถรับการฉีดวัคซีนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายรวมถึงสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ขณะนี้ ทางกรมบัญชีกลางกำลังจัดทำสำรวจสิทธิของผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไป สามารถเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการได้ ส่วนประชาชนที่ไม่ได้รับสิทธิใดๆ ดังกล่าว ขอเข้ารับบริการกับทางโรงพยาบาลสังกัด สธ.ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 300-400 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป” นายจิรพงษ์ กล่าว