ครม. รับทราบ รายงานผลการดำเนินงานการขอขยายเวลา ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร สมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร ที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เวลา 13.00 น. วันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานผลการดำเนินงานการขอขยายเวลาดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร สมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร ที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง
สืบเนื่องจากที่ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 และ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบในหลักการการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟู โดยให้เกษตรกรทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้เดิม โดยพักชำระเงินต้นครึ่งหนึ่งและดอกเบี้ยทั้งหมดไว้ก่อน และให้เกษตรกรทำสัญญาผ่อนชำระหนี้เงินต้นอีกครึ่งหนึ่งตามระยะเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 15 ปี กลุ่มเป้าหมายก็คือเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูที่ขึ้นทะเบียนหนี้สิน วันที่ 30 มิถุนายน 2563 และเป็นหนี้ NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 50,620 ราย
ซึ่งรัฐจะมีภาระในการจัดสรรเมื่อเกษตรกรได้รับชำระเงินคืนงวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้วโดยมีระยะเวลากำหนดโครงการนี้ 3 ปีนับจากครม.มีมติอนุมัติ และครม.มีมติเห็นชอบก่อวงเงินชดเชยในเบื้องต้นจำนวน 15,481.66 ล้านบาทเศษ
ต่อมาครม.มีมติวันที่ 11 ธันวาคม 2567 รับทราบผลการดำเนินการแล้วก็เห็นชอบให้ปรับปรุงมติครม.เดิมในส่วนของแนวทางการดำเนินการโครงสร้างหนี้ของทางรัฐทั้ง4แห่ง รวมถึงเห็นชอบให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูที่แสดงความประสงค์จะขอเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ 16,794 รายราย และแจ้งเพิ่มเติมภายหลังให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้เช่นกัน เพื่อทดแทนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายหลักเดิมที่ไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกรอบวงเงินตามงบประมาณที่ครม.เคยอนุมัติไว้ และขอขยายระยะเวลาในการดำเนินการโครงการทั้งสิ้นให้สิ้นสุดลงภายใน 150 วันหลังจากที่มีมติอนุมัติ
โดยรายละเอียดของที่ประชุมวันนี้ตามข้อมูลปัจจุบันของวันที่ 21 มีนาคม 2568 นี้ เกษตรกรแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 29,879 ราย โดยปรับโครงสร้างกับเจ้าหนี้แล้วเสร็จ 19,636 ราย รอทำสัญญาอีก 12,403 ราย และเกษตรกรใหม่ที่ประสงค์เข้าร่วมเพิ่มเติมอีกทั้งสิ้น 23,569 ราย รวมทั้งสิ้นโครงการนี้ช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดถึง 53,448 ราย
โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วนเห็นชอบแล้วก็รับทราบเป็นกรณีที่อยู่ในอำนาจของครม.อยู่แล้ว และจะรับทราบผลการดำเนินการในความเห็นชอบต่อไปตามที่เห็นสมควร
