ก.แรงงาน เร่งหามาตรการช่วยเหลือเยียวยานายจ้าง/กิจการ และลูกจ้าง รับมือทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า 36% จ่อเข้าพบรับฟังความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงถึง 36% นั้น
ล่าสุดวันนี้ (9 เมษายน 2568) นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการเตรียมมาตรการที่ไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ ว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางฝ่ายเลขาฯ ฝ่ายที่ปรึกษาดูแลกองเศรษฐกิจการแรงงาน ขอให้กำหนดมาตรการมาให้ตนตามแนวทางที่ควรจะเป็น เพื่อให้แต่ละกรมที่รับผิดชอบและที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กรมการจัดหางาน (กกจ.) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) และ สำนักงานปลัดกระทรวง มานั่งคุยกัน และกำหนดวางมาตรการออกมาว่า ในแต่ละกรม จะเยียวยาหรือดูแลในกรณีที่เกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นได้อย่างไรบ้าง
“เช่น หากสหรัฐ ต้องขึ้นภาษีกับนายจ้าง หรือกิจการประเภทหนึ่ง ในกิจการประเภทนั้น กสร. จะเข้าไปกำกับควบคุม หรือเฝ้าระวังอย่างไร สปส. จะเข้าไปดูแลอย่างไร กกจ. จะเข้าไปช่วยอย่างไรเป็นต้นเท่าที่ผมได้ให้ฝ่ายเลขาฯ ไปทำข้อมูลมา โดยคาดว่าในวันนี้ (9 เมษายน 2568) จะส่งให้ทุกกรมและเสนอมาตรการมา นอกจากนั้นแล้วยังให้กสร. คอยดูสถานการณ์กิจการที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพื่อเฝ้าระวังและรายงานให้ทราบ แต่ทั้งนี้ ต้องรอผลการเจรจาของคณะที่จะไปหารือกับสหรัฐฯ” นายบุญสงค์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าจะส่งผลกระทบในลักษณะใดหรือมากน้อยแค่ไหน นายบุญสงค์ กล่าวว่า ตนได้ประเมินเบื้องต้นไว้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต้องมีมาตรการอย่างไรบ้าง แต่ขณะนี้ไม่สามารถตอบได้ ขอเวลา 1-2 วันเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน
เมื่อถามว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีการกำชับหรือสั่งการเรื่องดังกล่าวอย่างไรบ้าง นายบุญสงค์ กล่าวว่า ท่านให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างมาก โดยมีการกำชับให้หามาตรการดูแลเยียวยา และกำหนดแนวทางที่เหมาะสม เพื่อดูแลเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ท่านพยายามทำเต็มที่ที่จะดูแลเรื่องนี้รวมทั้งการเยียวยาที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว
เมื่อถามว่าฝ่ายนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการมีการสะท้อนความเห็นอย่างไรบ้าง นายบุญสงค์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับฟังจากนายจ้าง แต่บางคนได้พูดถึงในมุมมองความเห็นส่วนตัวเท่านั้นเอง ส่วนในภาพรวมขอรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หรือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่ากระทบกิจการใดบ้าง โดยส่วนตัวคิดว่าจะขอไปพบเพื่อรับฟังความคิดเห็น ไม่ต้องเรียกประชุม แต่เบื้องต้นยังไม่ได้นัดหมายวันชัดเจน
