พม.ถวายโล่ ‘ผู้สูงอายุแห่งชาติ 2568’ แด่ สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ ครอบครัว “คุณยายมารศรี” รับรางวัลครอบครัวร่มเย็น
เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “คุณค่าผู้สูงวัย สานสายใยพลังครอบครัว” มีการเผยแพร่สารนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัว ประจำปี 2568 อีกทั้งถวาย รางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2568 แด่สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย ป.ธ.8) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บุคคล ครอบครัว หน่วยงานองค์กร และสื่อดีเด่นด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุและครอบครัว นอกจากนี้ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ครอบครัวร่มเย็น ให้แก่คุณแม่มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา และครอบครัว ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุและสถาบันครอบครัว ปัจจุบันประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งมีอัตราประชากรผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ 20.97 ของประชากรทั้งประเทศ และโครงสร้างของครอบครัวไทยได้เปลี่ยนแปลงไป เป็นครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นผู้สูงอายุมากขึ้น และครอบครัวที่ผู้สูงอายุอยู่กับลูกหลานที่เป็นเด็กตามลำพัง เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวข้ามรุ่นที่หลานอยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย ที่อาจส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย ทำให้สัมพันธภาพภายในครอบครัวเกิดความเปราะบาง ส่งผลต่อความเข้มแข็งของครอบครัว นอกจากนี้ การเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ ยังส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ซึ่ง ผู้สูงอายุควรได้มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยรัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านผู้สูงอายุและสถาบันครอบครัว เพื่อให้มีความเข้มแข็งในทุกๆ มิติ ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ร่วมกันจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “คุณค่าผู้สูงวัย สานสายใยพลังครอบครัว” เนื่องในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และวันที่ 14 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งครอบครัว” เพื่อให้ความสำคัญแก่ผู้สูงอายุเป็นผู้สร้างสรรค์ สั่งสม พัฒนาสิ่งดีงามมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผู้มากด้วยประสบการณ์ เปี่ยมล้นด้วยคุณค่าความดี และภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การรักษา และสืบทอดไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง อีกทั้งยังเป็นบุคคลผู้เป็นเสาหลัก เป็นศูนย์กลางที่ทรงคุณค่าทางจิตใจและช่วยสานสายใยความสัมพันธ์ สร้างพลังแห่งความเป็นครอบครัวให้กับสมาชิกทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน และในสถานการณ์สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ของประเทศไทยขณะนี้ ผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มบุคคลผู้เป็นกำลังสำคัญที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนพัฒนาสังคมและประเทศไทยในอนาคต
นอกจากนี้ งานวันนี้ ยังเป็นการรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ รวมถึงการให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวอันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศและนับเป็นจุดเริ่มต้นของคนทุกช่วงวัยในสังคม หากครอบครัวมีความเข้มแข็งย่อมเป็นเกราะในการป้องกันทุกปัญหาและอุปสรรค ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข