อุทยานฯ ปรับเกณฑ์เงินช่วยเหลือปชช. เจอช้างทำร้าย จ่ายสูงสุด 5 แสน มีผลทันที เล็งจ่ายเยียวยาแล้ว 1.02 ล้าน ชี้เกณฑ์ใหม่จ่ายเร็วขึ้น หากมีการอนุมัติโอนเงินทันทีภายใน 5 วันทำการ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า หลังมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวานนี้ (11มิ.ย.68) ตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าจากงบกลาง พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที โดยระเบียบฉบับนี้จะช่วยให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่ามีความชัดเจน รวดเร็ว เป็นธรรม และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตร
สำหรับระเบียบใหม่นี้กำหนดให้ผู้มีสิทธิได้รับเยียวยา ได้แก่ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือพืชผลทางการเกษตร รวมถึงทายาทของผู้เสียชีวิต โดยต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือที่ดิน หรือเป็นผู้เช่าโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีของทรัพย์สินหรือพืชผล และเพื่อความเป็นธรรมและป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริง ระเบียบได้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาไว้อย่างชัดเจน
โดยกรณีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ผู้ขอรับเยียวยาจะต้องไม่มีเจตนาเข้าไปทำร้ายช้างป่า หรือเข้าไปในพื้นที่ที่มีช้างป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควรจำเป็น รวมถึงต้องมีการป้องกันและเตือนตนเองอย่างสมเหตุสมผล และไม่ฝ่าฝืนคำสั่งหรือข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ โดยค่าชดเชยการสูญเสียชีวิต 500,000 บาท บาดเจ็บทั่วไป จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท ทุพพลภาพ แบ่งออกเป็น อัมพาต 500,000 บาท สูญเสียแขน ขา หรือสายตา (ตาบอด) ทั้งสองข้างหรือแขน ขา สายตา (ตาบอด) รวมสองแห่ง 500,000 บาท สูญเสียแขน ขา หรือสายตา (ตาบอด) หนึ่งข้าง 200,000 บาท ค่าขาดโอกาสในการประกอบการงานระหว่างพักรักษาตัวระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ตามความเห็นของแพทย์ 100 บาทต่อวัน
ส่วนกรณีพืชผลการเกษตรหรือทรัพย์สินเสียหาย ที่ดินที่ได้รับผลกระทบจะต้องมีเอกสารสิทธิ์ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ 9 ประเภท เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือเอกสารปฏิรูปที่ดิน สำหรับอัตราค่าเยียวยา พืชไร่ และพืชสวน เช่น ข้าว อัตราชดเชย 5,330 บาท/ไร่ ข้าวโพด 6,637 บาท/ไร่ มันสำปะหลง 8,180 บาท/ไร่ อ้อย 13,402 บาท/ไร่ สับปะรด 22,424 บาท/ไร่ กล้วย 24,550 บาท/ไร่
ทั้งนี้มีข้อยกเว้น สำหรับผู้ที่ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือมีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่เกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ จะไม่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า กรมอุทยานฯ ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้วยขั้นตอนที่กระชับเพื่อความ-รวดเร็วในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ ดังนี้ การแจ้งเหตุ ผู้ได้รับผลกระทบต้องแจ้งเหตุภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ทราบเหตุ ไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าหรือหน่วยพิทักษ์อุทยานในพื้นที่ จากนั้นจะมีการตรวจสอบและประเมิน โดยคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินความเสียหาย มีระยะเวลาดำเนินการภายใน 7 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง สำหรับกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ประธานคณะกรรมการ คือ ผอ.สำนักบริหารสัตว์ป่า ส่วนกรณีทรัพย์สินหรือพืชผลเสียหาย ประธานคือหัวหน้าหน่วยงานพื้นที่อนุรักษ์ ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ อปท. ส่วนการอนุมัติและจ่ายเงิน เมื่ออธิบดีกรมอุทยานฯ อนุมัติแล้ว สำนักบริหารงานกลางจะโอนเงินให้ผู้ได้รับผลกระทบภายใน 5 วันทำการ และรายงานผลการโอนเงินภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่โอน
นายอรรถพล ระบุว่า นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ระเบียบ กรมอุทยานฯ ได้เตรียมดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า รวม 6 ราย คิดเป็นเงินประมาณ 1.02 ล้านบาท โดยเป็นกรณีเสียชีวิต 2 ราย รายละ 500,000 บาท รวม 1,000,000 บาท และกรณีบาดเจ็บ 4 ราย เป็นเงินประมาณ 20,000 บาท ปัจจุบัน กรมอุทยานฯ ได้เสนอขอจัดสรรงบกลางเพิ่มเติมจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณให้ความเห็นในเบื้องต้นว่าจะพิจารณาจัดสรรงบกลางตามเหตุที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานที่รวดเร็วตามระเบียบที่กรมอุทยานฯ กำหนดไว้ โดยเงินช่วยเหลือเยียวยาดังกล่าวจะจัดสรรจากงบกลาง รายการเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อการกู้ภัย ซึ่งสอดคล้องกับอัตราค่าเสียหายที่กระทรวงการคลังได้เห็นชอบไว้
อธิบดีอรรถพล เน้นย้ำว่า ระเบียบฉบับนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรมอุทยานฯ ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าอย่างยั่งยืน