ผู้ตรวจฯ สธ.เขต7 กางแผนแก้ รพ.ขอนแก่น ขาดสภาพคล่อง ชี้ต้องฟื้นฟูทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขตสุขภาพที่ 7 เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ สธ. และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่โรงพยาบาล (รพ.) ขอนแก่น ติดตามปัญหาวิกฤตขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยรัฐมนตรีว่าการ สธ.ระบุว่า จะเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤต รพ.ขอนแก่น แต่จะไม่อัดเงินแบบไร้ทิศทาง ที่สำคัญยังเตรียมเสนอให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) อนุมัติเงินกู้ชั่วคราว จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายช่วงวิกฤต ระหว่างรอเงินที่ยังเรียกเก็บไม่ได้กว่า 586 ล้านบาท ว่า โดยภาพใหญ่ ต้องฟื้นฟูทั้งระบบ เร่งเก็บหนี้จากระบบประกันทุกสิทธิที่ยังค้าง และในที่ประชุมไม่มีการพูดถึงการลดบุคลากร ลดค่าล่วงเวลา (โอที) แต่อย่างใด
นพ.เอกชัย กล่าวว่า สิ่งที่ สธ. ดำเนินการเพื่อลดวิกฤตการเงิน รพ.ขอนแก่น นั้น ปลัด สธ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา คือ คณะกรรมการติดตามสถานการณ์และกำกับนโยบายแก้ไขปัญหา รพ.ขอนแก่น ขาดสภาพคล่อง ที่มีผู้ตรวจฯ สธ.เป็นประธาน และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านการเงินการคลังของ รพ.ขอนแก่น ที่มี นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 7 เป็นประธาน ซึ่งมีการประชุมทุก 2 สัปดาห์ มีการรายงานข้อมูลต่อคณะกรรมการกำกับนโยบายฯ เพื่อรายงานปลัด สธ. ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยังให้ความสำคัญและลงมากำกับดูแลด้วยตนเอง ดังนั้น การแก้ปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องก็จะดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เงิน 300 ล้านบาท เป็นงบส่วนไหน นพ.เอกชัย กล่าวว่า เป็นเงินที่ รพ.ขอนแก่น ให้บริการไปแล้ว ราว 300 กว่าล้านบาท ซึ่งต้องรอเรียกเก็บจาก สปสช. คาดว่าจะได้ประมาณปลายปี รัฐมนตรีว่าการ สธ.จึงเสนอต่อบอร์ด สปสช. ให้จ่ายเงินก้อนนี้มาก่อน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ส่วนเรื่องข้อมูลเอกสารก็เคลียร์กันตามระบบ แต่ทั้งนี้ ต้องให้บอร์ด สปสช.อนุมัติก่อน นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังมีการปรับลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกินจำเป็น รวมถึงพิจารณาการใช้ยาที่มีราคาสูงให้มีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญคือ การเรียกเก็บลูกหนี้
“เช่น สปสช. ซึ่งกำลังเร่งทำข้อมูลส่งเบิกเพื่อให้ได้งบประมาณเข้ามา รวมถึงการป้องกันไม่ให้ติด C หรือ รหัสที่แสดงว่าไม่ผ่านการตรวจสอบการเบิกจ่าย และยังมีเงินอีกประมาณ 100 ล้านบาท ของปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งล่วงเลยระยะเวลาเบิกจ่ายของ สปสช. จะมีการยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ในการประชุมบอร์ด สปสช.เดือนหน้า เราเน้นการทำงานให้มีประสิทธิภาพ อย่างแผนกไหนมีการเพิ่มคน ก็ต้องมีการประเมินว่าสอดคล้องกับปริมาณงานหรือไม่ หรือบางแผนกที่งานลดลง เช่น วอร์ดหลังคลอด ปัจจุบันคนคลอดลูกน้อยลง อาจต้องปรับเปลี่ยนมารับผู้ป่วยในแผนกอื่นแทน เป็นต้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเอาคนออก แต่เน้นการบริหารที่สอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุดสำหรับแนวทาง รพ.ขอนแก่น แบ่งเป็น แนวทางเร่งด่วน (ระยะสั้น) เร่งติดตามเก็บเงินจากสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง), สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ, ประกันสังคม หรือ สวัสดิการอื่นๆ โดยใช้คณะทำงานเฉพาะกิจ ลดค่าใช้จ่าย บริหารคลังยาให้มีประสิทธิภาพ (20 รายการ top cost) บริหารจัดการคลินิก / บริหารเวร อย่างมีประสิทธิภาพ และชี้แจงภายในให้บุคลากรทราบสถานการณ์รายเดือน ส่วนแนวทางระยะกลาง–ยาว เช่น เปิดคลินิกเฉพาะทาง/SMC เพิ่มรายได้ ขยายบริการ RW สูง เพิ่มการผ่าตัดใหญ่ การพัฒนา telehealth และระบบ refer กลับโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) สำหรับเคส non-complex เป็นต้น” นพ.เอกชัย กล่าว